posttoday

ล่มไปต่อไม่ได้!! พ.ร.บ.ประชามติสะงัก เหตุ ส.ส.หวั่นโควิดเข้าประชุมกันบางตา

08 เมษายน 2564

พ.ร.บ.ประชามติล่มอีกครั้งโดยไม่ต้องนับองค์ประชุม เหตุเพราะ ส.ส.ไม่ยอมเข้าประชุมเพราะกลัวโควิด-19

วันที่ 8 เม.ย. บรรยากาศการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในช่วงบ่ายเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีสมาชิกอยู่ร่วมประชุมกันบางตา เกินองค์ประชุมเพียงไม่มาก โดยในมาตรา 50 เรื่องการนับคะแนนเสียงประชามติ ที่เมื่อมีการแสดงตนเป็นองค์ประชุมก่อนลงมติ ปรากฏว่า มีสมาชิกเหลืออยู่แค่ 372 คน เกินองค์ประชุม 366 คน มาแค่ 6 เสียงเท่านั้น จนนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องคอยกระตุ้นเตือนขอความร่วมมือให้สมาชิกอยู่ในห้องประชุม ขอให้อดทนช่วยกันทำหน้าที่ เพราะเรามาไกลกันแล้ว แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ในมาตรา 50/1 เรื่อง การนับคะแนนเสียงประชามตินอกราชอาณาจักร เมื่อนายชวน กดออดให้สมาชิกแสดงตนเป็นองค์ประชุม ปรากฏว่า ยังคงมีสมาชิกอยู่กันอย่างบางตา แม้นายชวนต้องกดออดเรียก 3 รอบ แต่สมาชิกก็ยังไม่ค่อยเข้ามาแสดงตน จนนายมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย หารือว่า หากต้องเลื่อนการประชุมออกไปก่อน จะมีผลทางกฎหมายหรือไม่ สังเกตมาหลายมาตราแล้ว มีสมาชิกอยู่น้อยลง จะเปิดประชุมวิสามัญอีกครั้งได้หรือไม่ ซึ่งนายชวนชี้แจงว่า จะไม่เปิดประชุมวิสามัญเป็นครั้งที่สาม ถ้าไม่ผ่าน เรื่องก็ค้างต้องไปเปิดประชุมอีกทีสมัยสามัญ เหมือนเราไม่รับผิดชอบ จึงขอให้ทุกคนอดทน ช่วยกันทำหน้าที่ ก่อนจะกดออกเรียกส.ส.ให้มาแสดงตนเป็นองค์ประชุมครั้งที่ 4 จึงมีสมาชิกมาแสดงตน 377 คน เกินองค์ประชุมมา 11 เสียง

ต่อมาเมื่อพิจารณามาถึงมาตรา 51 เรื่องการประกาศผลการออกเสียงประชามติ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. เสนอขอนับองค์ประชุม โดยการขานชื่อเรียงคน แต่นายชวน ชี้แจงว่า ยังมีสมาชิกเข้า-ออก ห้องประชุม และขอร้องไม่ให้นับองค์ประชุม ขณะที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว.กล่าวเสริมว่าเห็นใจการประชุมวันนี้ เพราะมีเรื่องสถานการณ์โควิดเข้ามา ส.ส.หลายคนไม่สามารถมาประชุมได้ เพราะไปพบคนติดเชื้อโควิด จึงต้องเดินทางไปโรงพยาบาลตรวจหาเชื้อ แต่ขอให้ระวังเรื่องการเสียบบัตรแทนกันด้วย เพราะไม่อยากเกิดเหตุขึ้น จนมีคนนำไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการเสียบบัตรแทนกัน เพราะสังเกตเห็นเสียงตอนแสดงตนเป็นองค์ประชุม กับเสียงตอนลงมติมีผลต่างห่างกันแบบผิดสังเกต เกรงจะมีคนเสียบบัตรแทนกัน

ทำให้ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สวนกลับทันทีว่าเรื่องการเสียบบัตรแทนกัน คงไม่มี ขอให้นายสมชายอย่ามาโยน ‘ขี้’ ให้กัน ขณะที่นายชวนได้รีบตัดบทเข้าสู่การประชุมต่อ จนกระทั่งเข้าสู่การพิจารณามาตรา 53 เมื่อมีการแสดงตนเป็นองค์ประชุม มีสมาชิกอยู่แสดงตนแค่ 374 เสียง ทำให้นายชวนตัดสินใจ พักการประชุม 10 นาที เพื่อเรียกวิป 3 ฝ่าย มาหารือกันเพื่อแก้ปัญหาเรื่องจำนวนสมาชิกในห้องประชุม

หลังพักประชุม นายชวนแจ้งว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติในวาระ 2 ยังเหลืออีก 2 หมวด คือหมวด 8 และหมวด 9 ซึ่งหากอภิปรายไม่มากก็จะใช้เวลาไม่นานแต่จากการหารือหากไปไม่รอดจำนวนสมาชิกไม่ครบก็ต้องยอมรับความเป็นจริง ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปฏิเสธความเป็นจริง และไม่ตำหนิใครเพราะทราบว่าสถานการณ์ไม่ปกติ

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.เพื่อไทย กล่าวว่าพอเข้าใจได้ที่บางพรรคไม่มาประชุม เพราะสถานการณ์โควิด แต่คนที่อยู่ ก็ขอเรียกร้องให้เข้ามาร่วมประชุม เพราะกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายของรัฐบาล และอยากฝากบอกพี่น้องประชาชนว่าวันนี้ถ้าเดินไปไม่ได้ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์โควิด ส่วนนายมานพ คีรีภวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนลงมาจากดอยขอร้องให้ทุกคนกลับเข้าห้องประชุม

จากนั้น นายชวนแจ้งว่าขอเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ประชามติวาระที่ 2 หมวด 8 และ 9 ไปพิจารณาต่อในการประชุมครั้งต่อไป เพื่อให้องค์ประชุมสมบูรณ์ และไม่ขอนับองค์ประชุม ทางเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อ่านพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุม และปิดประชุมในเวลา 15.19 น.