posttoday

เปิดพฤติการณ์ "โตโต้" พร้อมพวกกลุ่มวีโว่ มีแผนก่อความวุ่นวาย

08 มีนาคม 2564

เปิดพฤติการณ์ "โตโต้" พร้อมพวก ในสำนวนฝากขังของตำรวจ พบพฤติการณ์มีแผนนำอาวุธมาก่อความวุ่นวายในการชุมนุม ขัดขวางการขนย้ายผู้ต้องหา ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ช่วยผู้ถูกจับให้หลบหนี

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.64 พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้ยื่นคำร้องฝากขัง นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ หัวหน้าการ์ดกลุ่ม Wevo กับพวกรวม 15 คน ต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ในข้อหาอั้งยี่และมั่วสุมในการชุมนุม ซึ่งทั้งหมดถูกจับกุมที่ย่านรัชโยธิน เมื่อวันที่ 6 มี.ค.64

ทั้งนี้ศาลได้อนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง โดยต่อมาผู้ต้องหาทั้งหมดได้ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัว นายปิยรัฐ ผู้ต้องหาที่ 1 เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อว่าหากปล่อยตัวไปจะไปก่อเหตุอีกรวมทั้งมีพฤติการณ์คุกคาม ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ส่งผู้ต้องหาอีก 14 คนอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยตีราคาประกันคนละ 45,000 บาท

สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหานั้น พนักงานสอบสวนได้ระบุไว้ว่า สืบเนื่องมาจากก่อนเกิดเหตุวันที่ 6 มี.ค.64 เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่ม Wevo โดยมีนายปิยรัฐ หรือ โต จงเทพ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่ม Wevo

ตามรายงานสืบสวนของตำรวจสันติบาล ได้ข่าวในเชิงลึกว่า ในวันที่ 6 มี.ค. จะมีการนัดหมายรวมกลุ่มกันบริเวณลานจอดรถ ที่เมเจอร์ รัชโยธิน เพื่อวางแผนที่จะนำอาวุธ เช่น หนังสติ๊ก ลูกเหล็ก ระเบิดควัน และวัตถุอื่นที่ใช้เป็นอาวุธได้มาใช้ในการก่อเหตุสร้างความวุ่นวาย และทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมเพื่อสร้างสถานการณ์ซึ่งในการชุมนุมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้มีกลุ่มบุคคลเข้าแทรกซึมรวมอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมและใช้หนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว และน็อตเป็นอาวุธทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังใช้ระเบิดควันขว้างใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง

ต่อมาวันที่ 6 มี.ค. เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็น บุคคลมารวมกลุ่มกันมีจำนวนประมาณ 50 คนที่บริเวณอาคารจอดรถ 6 เมเจอร์รัชโยธิน เมื่อได้สังเกตใบหน้าของกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้วพบว่ามีบางคนที่มีใบหน้าใกล้เคียงกับสมาชิกในกลุ่ม Wevo ซึ่งได้รับรายงานการสืบสวนจากตำรวจสันติบาลก่อนหน้านี้ว่ามีลักษณะรวมตัวกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลเพื่อกระทำผิด

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม พิจารณาแล้วเห็นว่าการรวมกลุ่มกันของบุคคลข้างต้นนั้นมีลักษณะว่าเป็นการชุมนุมมั่วสุมกันอันเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและเป็นกลุ่มสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งมารวมกลุ่มมั่วสุมที่อาจจะก่อเหตุสร้างความวุ่นวาย และทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมเพื่อสร้างสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปแสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้นกลุ่มบุคคลดังกล่าวข้างต้น

โดยก่อนทำการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ผู้ต้องหากับพวกดูจนเป็นที่พอใจแล้วจึงทำการตรวจค้น จึงพบสัมภาระเป็นสิ่งของทั่วไป และยังตรวจค้นพบวัตถุซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ (อาทิ เสื้อเกราะ พร้อมแผ่นเหล็กกันกระสุน), วัตถุซึ่งอาจใช้เป็นอาวุธและวัตถุซึ่งอาจใช้ก่อความวุ่นวายในการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองจำนวนหลายรายการ

อย่างไรก็ตาม ประกอบกับข้อมูลที่ได้สืบทราบมาก่อนหน้านี้น่าเชื่อว่านายปิยรัฐ ผู้ต้องหาที่ 1 นายภัทรกัณฑ์ รุ่งอุทัย ผู้ต้องหาที่ 2 นายมงคล ศรีสงค์ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายเกียรติศักดิ์ แสนนามวงษ์ ผู้ต้องหาที่ 4 มีพฤติกรรมร่วมกันกระทำความผิดกับกลุ่มวัยรุ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหา

แต่ระหว่างควบคุมตัวแกนนำเดินทางด้วยรถยนต์เพื่อไปคุมตัวที่ บก.ตชด.ภ.1 ปรากฏว่าได้มีกลุ่มการ์ด Wev๐ ซึ่งรออยู่ได้เข้ามาพยายามขัดขวางการขนย้ายผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยได้ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่รถสำหรับบรรทุกผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ต้องหาบางส่วนได้รับการช่วยจากกลุ่มการ์ด Wevo ติดตามทำร้ายเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ เปิดประตูรถให้ผู้ถูกจับหลบหนีไปได้

จนกระทั่ง 19.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด

ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกแ จ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฝ่าฝืนพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 , ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไปและฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ,

เป็นสมาชิกคณะบุคคลเพื่อปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่, สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อจะกระทำความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หรือจะต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธหรือโดยร่วมการกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป และทำให้เสียทรัพย์

โดยผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา