posttoday

"ณัฏฐพล" ดอดพบ "บิ๊กตู่" โยนพรรคตัดสินใจ "ภรรยา"ลงชิงผู้ว่าฯกทม.

22 มกราคม 2564

'ณัฏฐพล' ย่องเงียบขึ้นหลังตึกไทยฯ พบ นายกฯ ท่ามกลางกระแสข่าวดันเมียลงชิงเก้าอี้ผู้ว่ากทม.แข่ง 'บิ๊กแป๊ะ' เผยคุย 'บิ๊กป้อม' แล้ว โยน พปชร. ตัดสินใจผู้สมัครเอง ไม่เอาการเมืองท้องถิ่นมาเป็นปัญหาขัดแย้งในพรรค ปัดต่อรองไม่ได้ตามที่ขอ จะลาออก

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 64 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยขึ้นด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ใช้เวลานั่งรอประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะเข้าพบหารือใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นนายณัฏฐพล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นางทยา ทีปสุวรรณ อดีตรองผู้ว่า กทม. เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม. โดยปฏิเสธว่านายกฯไม่ได้เรียกมาพูดคุยเรื่องดังกล่าว ซึ่งการลงสมัครผู้ว่า กทม. ของภรรยาเป็นการเสนอตัวให้ประชาชนคนกรุงเทพฯ เลือกแค่นั้น ไม่ได้มีอะไร เพียงแสดงเจตจำนงสนใจที่จะเป็นตัวเลือก ส่วนแผนงานที่จะทำให้ได้รับการเลือกก็ต้องมานั่งดูว่าจะไปทางไหน "สำหรับผมมีความเป็นพรรคอยู่ก็ต้องระมัดระวังในการที่จะขับเคลื่อน เพราะมีเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ต้องระมัดระวังพอสมควร" รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคพปชร.แล้วหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ก็เรียนไปแล้ว ในเมื่อคนในครอบครัวเสนอตัว ตนก็ต้องเรียนผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อขออนุญาต ถือเป็นมารยาททางการเมือง ส่วนความเหมาะสมที่พรรคจะเลือกใครก็เป็นเรื่องของพรรค เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับทางการเมืองโดยตรง พรรคก็ต้องมองถึงผลประโยชน์ของพรรคสูงสุดว่าใครจะลงในนามพรรคหรือไม่ลงในนามพรรค จะเป็นประโยชน์สูงสุดของพรรคของประเทศ

เมื่อถามต่อว่าช่วงที่ผ่านมามีชื่อของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ประกาศลงสมัครผู้ว่ากทม. อย่างชัดเจน ซึ่งสังคมมองว่าพรรคพปชร.ให้การสนับสนุนจะเป็นการแย่งคะแนนกันเองหรือไม่ นายณัฐพล กล่าวว่า ถ้าเอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน การสนับสนุนเป็นการพูดกันในสื่อมวลชนเฉยๆ พรรคยังไม่ได้มีการประชุม ซึ่งจะต้องมีการประชุมคณะกรรมการสรรหา การเลือกตั้งขนาดใหญ่แบบนี้พรรคจะต้องมีกระบวนการสรรหาหรือกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) อาจจะมองว่ามีความเสี่ยงเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ใหญ่ถูกจับตามองเยอะจะเป็นปัญหาในการตีความอะไรต่างๆ ไม่อยากเอาการบริหารจัดการประเทศมาเกี่ยวข้องกับการที่จะมีปัญหาทางกฎหมายต่างๆ ก็อาจจะไปทางออกเหมือนกับที่หัวหน้าพรรคได้พูดไว้ในเรื่องการไม่ส่งใครลงสมัครในนามของพรรค เหมือนกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ผ่านมา ตรงนี้เป็นแนวทางที่น่าจะพอมองเห็นแนวทาง

เมื่อถามย้ำว่านางทยา ในฐานะที่เป็นภรรยาของท่าน ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ จะทำอย่างไรให้สังคมไม่มองว่ามีความเกี่ยวโยงหรือเอื้อประโยชน์กันและอาจจะขัดกับกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นมาตรา 34 ได้ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ถ้าภรรยาลงสมัครผู้ว่า กทม.จริง ตนก็คงไปช่วยหาเสียงไม่ได้ อันนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนจะไปห้ามคนๆหนึ่งไม่ให้เสนอตัวในการเป็นตัวแทนประชาชนในขณะที่เขาเป็นนักการเมืองและทำงานการเมืองมา และถ้าดูกันจริงๆตนก็ทำงานแยกกันมาตลอดในด้านท้องถิ่นหรือระดับชาติ ดังนั้นเป็นสิ่งที่ต้องดูถึงพื้นฐานด้วยไม่ใช่อยู่ๆตนจะผลักดันภรรยามาเป็นนักการเมืองมันไม่ใช่ แต่เขาเป็นนักการเมืองอยู่แล้ว แค่บังเอิญอยู่ในครอบครัวเดียวกันเท่านั้น และในกทม.ก็อาจจะมีครอบครัวแบบนี้ไม่ได้เยอะมาก

เมื่อถามอีกว่ายืนยันว่าถึงอย่างไรภรรยาก็ยังเสนอตัวที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ใช่หรือไม่ นายณัฐพล กล่าวว่า เขาตัดสินใจที่จะเสนอตัวลงแน่นอน ส่วนจะลงในนามอิสระหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ต้องดูทีมของนางทยา เพราะเขาทำงาน มีทีมวิเคราะห์ถึงเรื่องต่างๆโอกาสในการที่จะต่อสู้ เรื่องนโยบายนางทยา มีวิธีการบริหารจัดการไม่ได้มาผูกพันกับตนเลย

เมื่อถามอีกว่าแสดงว่ายังตอบไม่ได้ว่าจะลงในนามอิสระหรือในนามพรรค นายณัฏฐพล กล่าวว่า ในเรื่องของพรรคถ้าเป็นพรรคพปชร.วันนี้ไม่ได้เกี่ยวกัน ทางพรรคเขาจะต้องดูความเหมาะสมและวิธีการของพรรคในการสรรหาผู้ สมัครกทม. ทางคณะกรรมการบริหารและกรรมการสรรหาจะเป็นผู้กำหนดว่าจะสรรหาอย่างไร ซึ่งยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เราเป็นพรรคการเมืองใหญ่ต้องมีขั้นตอนในการพิจารณาพอสมควร การที่คนใดคนหนึ่งแต่บังเอิญเป็นภรรยา อย่างกรณีของตนที่มีการเสนอตัวมา ก็ขึ้นอยู่กับว่าทางพรรคจะพิจารณาอย่างไร

เมื่อถามต่อว่ามีกระแสข่าวว่าพร้อมที่จะลาออกถ้าพรรค พปชร.ไม่สนับสนุนภรรยาลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่า กทม.นั้น นายณัฐพล กล่าวว่าไม่ใช่ ไม่จริงและดูในข่าวมีหลายประเด็นที่ไม่ถูกต้อง ตนอยู่ในพรรคพปชร.ต้องเคารพในกติกาของพรรค ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงมารยาทในทางการเมือง ต้องรอความชัดเจนของกรรมการสรรหาพรรคว่าจะพิจารณาอย่างไรหรือจะพิจารณาใคร ซึ่งอาจจะมีการพิจารณา นางทยาด้วย หากพรรคตัดสินใจไปทางใดทางหนึ่งตนก็ต้องดูความเหมาะสมในเรื่องของมารยาท ขณะเดียวกันความปลอดภัยของพรรคเราจะไม่เอาการแข่งขันในระดับใดมาเป็นความเสี่ยงหรือทำให้เกิดปัญหากับพรรคอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพปชร.แล้วหรือไม่ นายณัฐพล กล่าวว่า ได้พูดคุยกันแล้วเป็นการเตรียมขออนุญาต ซึ่งเป็นมารยาที่ต้องทำ เพราะภรรยาของตนเองที่เป็นนักการเมืองสนใจเสนอตัวเป็นผู้สมัครลงผู้ว่า กทม. ซึ่งพล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็รับทราบ

เมื่อถามว่าจะทำให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคหรือไม่ นายณัฐพล กล่าวว่า คงไม่ น่าจะคิดกันไปเองให้เป็นประเด็น ส่วนในพรรคจะมีความเห็นหรือความเหมาะสมว่าใครควรจะลงในระดับท้องถิ่นก็เป็นความแตกแยกที่ปกติอยู่แล้วในการเสนอตัวของผู้สมัครทุกระดับก็ต้องมีมากกว่า 1 คน แต่พรรคก็ต้องเลือกคนที่ดีที่สุด ซึ่งเรื่องนี้จริงๆ แล้วตนไม่ได้อยากจะพูดอะไรมาก

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งท้องถิ่นพรรคการเมืองสามารถสนับสนุนได้ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการหาเสียงต่างๆ มีความเสี่ยงที่จะมาเกี่ยวข้อง แม้แต่การสรรหาตัวผู้สมัครทางพรรคก็พิจารณาว่าจะสรรหาอย่างไร แต่พรรคพปชร.เลือกตั้งที่จะไม่สนับสนุนใครเลยในการเลือกตั้งท้องถิ่น เช่นเดียวกับการเลือกนายกอบจ. หรือผู้ว่ากทม.แนวทางก็ไม่ได้แตกต่างกัน

“ข่าว 2 วันที่ผ่านมาอาจมีความผิดเพี้ยนในบางเรื่อง แต่นางทยาตัดสินใจเสนอตัวเพื่อเป็นตัวเลือกในการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ก็แค่นั้น นั่นคือเรื่องใหญ่สุด ส่วนหลังจากนั้นจะมาเกี่ยวข้องกับพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นเรื่องที่แต่ละพรรคจะต้องมาพิจารณาเรื่องความเหมาะสม เขาตั้งใจที่จะทำงานเพื่อการเมือง คงไปห้ามไม่ได้ ผมเป็นสามียังห้ามไม่ได้” นายณัฏฐพล กล่าว