posttoday

บรรยง ติงไอเดียไม่รักษาโควิดฟรีให้ผีพนัน-คนลอบเข้าไทย หวัง "บิ๊กตู่" ไม่บ้าจี้ตาม "อนุทิน"

10 มกราคม 2564

บรรยง พงษ์พานิช ติแนวคิดรองนายกฯเลิกรักษาโควิดฟรีให้นักพนันและคนลอบเข้าเมือง ชี้ถ้าใช้คนทำผิดจะหนี- หวัง ผอ.ศบค.ไม่บ้าจี้ตาม

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. นายบรรยง พงษ์พานิช โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เสนอแนวคิดยกเลิกรักษาโควิดฟรี ให้แก่นักพนันและคนที่ลักลอบเข้าเมือง

นายบรรยง ระบุว่า พออ่านข่าวท่านรองนายกฯและรมต.สาธารณสุข ออกมาประกาศว่า จะเสนอให้แรงงานต่างด้าว และคนไปบ่อนต้องออกค่าใช้จ่ายในการรักษา (ซึ่งน่าจะรวมการกักตัว) เอง ก็ทำให้ผมสดุ้งสุดตัว เพราะถ้าท่านผู้นำดันเห็นด้วย และให้ศบค.ประกาศใช้มาตรการนี้ สิ่งที่เราคาดได้เลยว่าจะเกิดขึ้นก็คือ

- แรงงานต่างด้าวจะไม่ยอมร่วมมือในการคัดกรองเชิงรุก เพราะถ้าติดเชื้อต้องจ่ายเงินเป็นแสน (กว่าสิบเท่าที่ต้องจ่ายส่วย) ทุกคนจะหนีการตรวจ และถ้าติดโรค ซึ่งก็รู้อยู่ว่ากว่าแปดสิบเปอร์เซนต์ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อยแล้วหายเอง ก็จะไม่ยอเข้ารับการรักษาหรือกักตัว นอกจากป่วยหนักจริงๆถึงจะมาแล้วก็ไม่มีเงินจ่ายอยู่ดี จะทิ้งให้ตายไม่รักษา หรือรักษาแต่ไม่ปล่อยตัวจับเข้าคุกเขาก็คงต้องยอม

- คนไปบ่อนที่ติดเชื้อก็ต้องปกปิดสุดชีวิต การสืบสวนโรคสำหรับพวกนี้จะไม่มีทางได้รับความร่วมมือเลย แอด”หมอชนะ”ก็จะไม่ถูกอัพจากพวกนี้แน่นอน(นอกจากต้องเอามาตรการที่เอาผิดคนไม่อัพตามที่หมอนักขู่ได้ขู่ไว้มาใช้บังคับ)

บรรยง ระบุต่ออีกว่า ที่ประเทศไทยประสบผลสำเร็จในการหยุดการแพร่ระบาดในรอบแรกลงได้จนได้รับการสดุดีเป็นแชมป์โลกในปีที่แล้ว ก่อนที่ตำรวจไทยจะกลับมารับส่วยตามOld Normalจนเกิดการระบาดรอบสองทะลุหมื่นไปอย่างรวดเร็วนั้น ผมขอวิเคราะห์ปัจจัยของความสำเร็จไว้ 4 ข้อ

1. อันนี้ให้เครดิตรัฐบาลที่ตัดสินใจเด็ดขาดปิดประเทศ ล็อคดาวน์เมืองอย่างเข้มข้น ห้ามกิจกรรมเสี่ยงทุกรูปแบบ ยอมหยุดเศรษฐกิจ …แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องแลกมาด้วยความเสียหายทางเศรษฐกิจสองล้านล้านบาท บวกด้วยหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอีกกว่าล้านล้านบาท

2. ความร่วมมือของประชาชนส่วนใหญ่ที่ยอม ”หยุดเชื้อเพื่อกู”

3. โครงสร้างทางสาธารณสุขที่ค่อนข้างเข้มแข็ง รวมทั้งอสม.กว่าล้านคนที่ทำงานอย่างแข็งขัน

4. กลยุทธที่เก็บกักคนที่เข้าประเทศทั้งหมด Quarantine 14วัน และถ้าใครมีเชื้อ จะมีอาการไม่มีอาการก็เก็บตัวไว้หมด เพราะความสำเร็จทำให้เรามีfacilitiesเพียงพอ และจัดสรรงบประมาณดูแลได้ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าคนป่วยเกือบทั้งหมดที่เราเก็บตัวไว้แทบไม่มีป่วยหนัก อัตราต่ำมาก และถ้าเปิดดูข้อมูล เรามีคนป่วยที่เรียกว่าอาการseriousหรือcriticalเพียงแค่ 1 คนมากว่าร้อยวันแล้ว (เรียกว่าเครื่องช่วยหายใจที่เตรียมไว้หมื่นกว่าเครื่องถูกใช้อยู่เครื่องเดียวเท่านั้น)

บรรยง ทิ้งท้ายว่า มีคติที่ว่า คนที่ล้มเหลวหรือสำเร็จนั้น สิ่งที่สำคัญเสียยิ่งกว่าความล้มเหลว หรือความสำเร็จ ก็คือความรู้ความเข้าใจถึงสาเหตุ ถึงปัจจัยของความล้มเหลวหรือความสำเร็จนั้นๆ เพราะถ้าเข้าใจ ถึงจะล้มเหลว ก็จะไม่ล้มเหลวซ้ำซ้อนอีก ถ้าสำเร็จก็จะสำเร็จอย่างยั่งยืน(ไม่ใช่ฟลุคเป็นบางครั้ง)

เพราะฉะนั้น มาตรการที่ท่านเสนอมานี้ แสดงชัดถึงความขาดความเข้าใจและขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบ ก็ได้แต่หวังว่า ท่าน ผอ.ศบค.ผู้อัจฉริยะ จะไม่บ้าจี้ตาม ถ้าไม่งั้นตัวเลขหลักแสนก็คงมีโอกาสได้เห็นเป็นแน่

บรรยง ติงไอเดียไม่รักษาโควิดฟรีให้ผีพนัน-คนลอบเข้าไทย หวัง "บิ๊กตู่" ไม่บ้าจี้ตาม "อนุทิน"

ข่าวล่าสุด

“นฤมล”เผย ก.ค.ศ. ไฟเขียวเกณฑ์ใหม่ เปิดทางครูใช้รางวัลเลื่อนวิทยฐานะ