posttoday

"เพื่อไทย"จี้รัฐบาลเปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดไม่แสดงอาการ

06 มกราคม 2564

โฆษกพรรคเพื่อไทยสับแหลกรัฐบาลสอบตกการสื่อสารในภาวะวิกฤติ ชี้อยากเห็นความเป็นมืออาชีพเปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ เพื่อให้ประชาชนตื่นตัวป้องกันตัวเอง

เมื่อวันที่ 6 ม.ค.น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.)เปิดเผยว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้สิ่งที่คนไทยต้องการเห็นคือ ความรับผิดชอบและความเป็นมืออาชีพในการบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค ในสถานการณ์วิกฤตินี้รัฐบาลต้อง

1.เปิดเผยข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงของผู้ติfเชื้อที่ไม่แสดงอาการ สุ่มตรวจแล้วกี่ราย เมื่อเทียบสัดส่วนการสุ่มตรวจกับประชากรที่ยังไม่ตรวจเป็นจำนวนมากน้อยเพียงใด เพราะเมื่อติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อที่แพร่กระจายไปใน 28 จังหวัด ทำให้ประชาชนไม่แน่ใจสถานการณ์การติดเชื้อที่อาจจะมาจากผู้ไม่แสดงอาการที่ยังใช้ชีวิตปกติ เมื่อรวมเข้ากับเชื้อไวรัสสายพันธุ์อังกฤษที่แพร่กระจายได้รวดเร็ว ยิ่งทำให้ประชาชนหวาดวิตกมากขึ้น

2.การสื่อสารของ ศบค.และนายกรัฐมนตรี ต้องใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจและปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง เช่น การล็อกดาวน์ คือล็อกดาวน์ เพื่อให้รู้ว่าสถานการณ์ในขณะนั้นอันตราย ไม่ใช่มาตรการเข้มข้นสูงสุด หรือการที่ กทม.ออกคำสั่งงดนั่งทานอาหารในร้านก่อน 19.00 น. และ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาแก้ไขเป็น 21.00 น. สิ่งเหล่านี้ให้เห็นว่าแม้แต่การสื่อสารใน ศบค.ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการจัดการโรคระบาดยังผิดพลาดภายใน ซ้ำยังแสดงความผิดพลาดออกสู่สาธารณชน นอกจากนี้ถ้อยคำที่ว่าประชาชนกลายเป็นภาระรัฐบาล หากประชาชนรับผิดชอบตนเอง ประเทศคงไม่จำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

3. การระบาดทั้ง 2 ครั้งไม่ใช่ความผิดประชาชน ต้นเหตุเกิดจากความหละหลวมปล่อยเชื้อเข้ามาในประเทศด้วยการทำผิดกฎหมายของเจ้าหน้ารัฐที่รับส่วยหรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่สวมหน้ากาก ตื่นตัวและให้ความร่วมมืออย่างดีกับเจ้าหน้าที่มาต่อเนื่อง จึงขอตั้งคำถามง่ายๆ ว่าใครต้องรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้

น.ส.อรุณี กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือความเชื่อมั่น รัฐบาลที่เป็นมืออาชีพจะต้องมีวิสัยทัศน์ สร้างความมั่นใจให้พลเมืองในประเทศร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันวิกฤตินี้ไปด้วยกันเหมือนบางประเทศ เช่น สปป.ลาวซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจน้อยกว่าไทย ยังได้รับวัคซีนก่อนไทยครึ่งปี เพราะลาวมีผู้นำที่มองอนาคต หรือบางประเทศที่ผู้นำลงมือทำแผนฟื้นฟูประเทศแล้ว ส่วนสิงคโปร์วางเป้าหมายจะนำพาประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ สุดท้ายถ้านายกรัฐมนตรี คิดไม่ออก หรือยังนึกไม่ได้ จะเปิดใจรับฟังสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเสนอ เพื่อช่วยหาทางออกของประเทศ ทางพรรคเพื่อไทยก็ยินดี เพราะในยามวิกฤติใหญ่ขนาดนี้ การร่วมด้วยช่วยกันและรับฟังผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ