posttoday

โพล "รัฐมนตรีเด่น ปี 63" บิ๊กตู่-อนุทิน-พุทธิพงษ์ เข้าวิน

25 ธันวาคม 2563

"ซูเปอร์โพล" เผย ผลสำรวจ "รัฐมนตรีเด่น ปี 63" พบประชาชน ชู "บิ๊กตู่-อนุทิน-พุทธิพงษ์"ผลงานเข้าตา

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 63 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง รัฐมนตรี เด่น ปี 63กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (QualitativeResearch) จำนวน 1,206 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 - 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา

เมื่อถามถึง บุคคลในคณะรัฐมนตรีที่เด่น ทำงานเข้าตาประชาชนมีผลงานน่าพอใจ ปี 2563 ที่ผ่านมา พบว่า ผู้ที่ได้รับเสียงสนับสนุนมากที่สุดจากประชาชนร้อยละ29.4 ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เด่นด้านความเป็นผู้นำ แก้ปัญหาหนัก ๆ ของประเทศ เป็นคนดี ไม่มีเรื่องเสื่อมเสียทุจริตคอรัปชั่น กล้าตัดสินใจทำบ้านเมืองเจริญ ถนนหนทางเกิดขึ้นจำนวนมาก รถไฟฟ้าหลายสาย แก้วิกฤตโควิดรอบแรก โครงการคนละครึ่ง กระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นต้น

รองลงมาคือ ร้อยละ 24.9 ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เด่น ด้านแก้ปัญหาโควิด บริหารจัดการทีมงานบุคลากรการแพทย์ ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้เช่น ปลดล็อคกัญชา ผลักดันรักษาโรคมะเร็งได้ทุกโรงพยาบาล เพิ่มสิทธิรักษาทุกโรคแท้จริง กล้าคิดกล้าทำ กล้าพูดมีจิตใจดี ช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยผ่าตัดหัวใจ และอื่น ๆ เป็นต้น

ถัดมาคือ ร้อยละ 23.5 ได้แก่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม เด่น การพัฒนาระบบดิจิทัลแก้วิกฤตโควิดโครงการไทยชนะ คัดกรองเกาะติดสถานการณ์โควิด นโยบายประชาชนเข้าถึงระบบ 5 G แก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ พนันออนไลน์ จัดการขบวนการล่วงละเมิดสถาบันหลักของชาติ การควบรวมกิจการบริการระบบสื่อสารของรัฐสนับสนุนโครงการคนละครึ่ง โครงการนำสายไฟและสายสื่อสารลงใต้ดิน และอื่น ๆ

โพล "รัฐมนตรีเด่น ปี 63" บิ๊กตู่-อนุทิน-พุทธิพงษ์ เข้าวิน

ร้อยละ 22.6 ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เด่น ด้านการจัดการความวุ่นวายของบ้านเมือง แก้ปัญหาขัดแย้งทางการเมือง ความเดือดร้อน หนี้สินนอกระบบ ปัญหาที่ทำกินของชาวบ้าน และอื่น ๆ เป็นต้น ร้อยละ 22.6 เช่นกัน ได้แก่ นาย วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เด่น เรื่องอนุรักษ์สัตว์ป่า สัตว์ทะเล จัดการขบวนการทำผิดกฎหมายทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สานต่อให้ประชาชนอยู่กับป่าเพื่อเศรษฐกิจฐานราก และอื่น ๆ

นอกจากนี้ ร้อยละ 22.3 ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เด่น การช่วยเหลือประกันราคาพืชผลการเกษตรส่งเสริมธุรกิจส่งออก ลดราคาสินค้า และอื่น ๆ และร้อยละ 21.8 ได้แก่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เด่น ผลงานต่าง ๆ เช่น แก้ปัญหาภัยแล้ง ต่อยอดโครงการพระราชดำริดูแลช่วยเหลือเกษตรกร ช่วยเหลือราคากุ้ง ช่วยเกษตรกรช่วงโควิด เป็นต้น ในขณะที่ ร้อยละ 25.2 ได้แก่ อื่น ๆ เช่นพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอื่น ๆ เป็นต้น

ที่น่าสนใจคือ แนวโน้มจุดยืนการเมืองของประชาชนในเรื่องสนับสนุนรัฐบาล ไม่สนับสนุนรัฐบาล และกลุ่มพลังเงียบ หรือกลุ่มไม่สนใจอะไรเลย (พวก ignorance) เปลี่ยนแปลงขึ้นลงตลอดในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา พบว่า ล่าสุด ฐานสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 33.9 ในเดือนกันยายน มาอยู่ที่ร้อยละ 35.7 ในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ฐานไม่สนับสนุนรัฐบาลก็เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 29.7 ในเดือนกันยายนมาอยู่ที่ร้อยละ 31.4 แต่ กลุ่มพลังเงียบหรือกลุ่มไม่สนใจอะไรเลย ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 36.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 32.9 ในการสำรวจครั้งนี้

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า จะเป็นใครไปไม่ได้ในคณะรัฐมนตรีที่ประชาชนระบุว่า เด่น มีความเป็นผู้นำทำงานเข้าตาประชาชนแก้ปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ของประเทศตลอดปี 2563 ที่ผ่านมาคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ก็ได้ค่าร้อยละลดหลั่นกันลงมาไม่ค่อยแตกต่างกัน แต่ที่น่าพิจารณาคือสถานการณ์วิกฤตของประเทศทั้งเรื่อง โควิด และ ความขัดแย้งของคนในชาติ และความเดือดร้อนของประชาชนในด้านต่าง ๆ ทำให้เกิดความโดดเด่นในตัวบุคคลที่น่าจับตามองในคณะรัฐมนตรีคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และแม้แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่หลายคนคาดว่าตกเป็นเป้าการโจมตีกลับพบว่ามีหลายอย่างที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยเห็นว่าเด่นมีผลงานแก้ความขัดแย้งของคนในชาติ ลดความเดือดร้อนเรื่องหนี้สินนอกระบบและปัญหาที่ทำกิน เป็นต้น

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อด้วยว่า ที่น่าพิจารณาอีกจุดหนึ่งคือ จุดยืนทางการเมืองของประชาชนต่อรัฐบาล ทั้งสามกลุ่มคือ กลุ่มสนับสนุนรัฐบาล กลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลและ กลุ่มพลังเงียบหรือกลุ่มไม่สนใจอะไรเลย ที่มีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในช่วงหลังไม่มีม็อบ โดยพบว่า กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้น กลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลก็เพิ่มขึ้น แต่กลุ่มพลังเงียบหรือกลุ่มคนไม่สนใจอะไรเลย ลดลง แต่ทั้งสามกลุ่มกำลังมี พลัง เท่า ๆ กัน คือประมาณหนึ่งในสาม จึงเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายความสามารถของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล รวมถึง ส่วนราชการที่ต้องร่วมปฏิบัติภารกิจทำหน้าที่ขับเคลื่อนไปกับประชาชนนำพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ ทั้งโควิดรอบใหม่และความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนทั่วประเทศในเวลานี้