"วิษณุ"ไม่ระทึกคดี"บิ๊กตู่"อยู่บ้านหลวง ยกเคส"รมต.-อดีตขรก."เบิกค่ารักษาพยาบาลมาเทียบ

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 63 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีจะต้องเตรียมการอย่างไรหรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ประเด็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อยู่บ้านพักหลวงทั้งที่เกษียณราชการแล้วในเวลา 15.00 น. โดยนายวิษณุ ได้ย้อนถาม พร้อมอย่างหยอกเล่นกับผู้สื่อข่าวว่า “ทำไม สื่อจะให้ผมเตรียมขนของหรือ ผมได้กำชับคณะทำงานว่า ห้องทำงานของผมอย่าให้ใครยกของอะไรลงมาวันนี้ เพราะจะเป็นประเด็นทันที”

จากนั้นนายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ว่า ทุกคำวินิจฉัยของศาลจะกลายเป็นบรรทัดฐานทั้งหมด และผูกมัดทุกองค์กร อย่างไรก็ดี ประหนึ่งว่าจะตื่นเต้นระทึกใจอย่างที่สื่อพาดหัว แต่มันไม่ระทึกใจแล้ว เพราะก่อนหน้านี้มีกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ก็จบไปหนึ่งเรื่อง คดีที่สอง ความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จบไปอีกหนึ่งเรื่อง วันนี้มันหลายเรื่องแล้ว ชินแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ไม่ผิด จะเป็นบรรทัดฐานให้ผู้อื่นที่เกษียณแล้วยังอยู่บ้านหลวงได้เช่นเดียวกันหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่จริง มันต้องดูเหตุผลว่าที่ไม่ผิดเพราะอะไร และถ้าเหตุผลนั้นมันเอาไปใช้กับคนอื่นได้ มันก็ไม่ใช่ ต้องเข้าใจว่าในรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (3) คำสำคัญคือ คำสองคำ คือคำว่า เป็นพิเศษ กับคำว่า ธุรกิจการงานอื่นตามปกติ เขาไม่ได้ห้ามในการรับประโยชน์จากหน่วยของรัฐ แต่เขาห้ามรับประโยชน์จากหน่วยงานรัฐเป็นพิเศษ ยกเว้นเป็นเรื่องที่ได้ปฏิบัติธุรกิจการงานตามปกติ มันเคยมีข้อสงสัยถามกันในหลายเรื่อง อย่างรัฐมนตรีที่นั่งเครื่องบินบ่อยๆ และสะสมไมล์บินจนได้รอยัล ออคิด พลัส แล้วได้ตั๋วเครื่องบินฟรี สามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งเขาเงินส่วนตัวบินมาตลอด และแม้จะใช้งบหลวงบางครั้งแต่ไมล์ก็ถูกสะสมไปด้วย และถึงเวลาจะแยกกันไม่ออก ว่าเป็นส่วนตัวหรือเป็นเงินหลวง ตนถามว่าจะไปขึ้นตั๋วฟรีได้หรือไม่ ถ้าบอกว่าไม่ได้ก็แปลก แต่ถ้าบอกว่าได้จะมีคนถามว่าไหนว่ารัฐมนตรีห้ามรับสิทธิประโยชน์ นี่เป็นการยกตัวอย่าง หรืออีกกรณีรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ไปเบิกค่ารักษาพยาบาล ยกเว้นบุคคลที่เคยเป็นอดีข้าราชการบำนาญ ตนถามว่าแล้วถ้าหากอดีตข้าราชการมาเป็นรัฐมนตรี แล้วมาเบิกค่ารักษาพยาบาล จะเป็นการเบิกในฐานะรัฐมนตรี หรือในฐานะข้าราชการบำนาญ จะถือเป็นการรับผลประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐหรือไม่ ลองเอาไปคิดดู เวลา 15.00 น.ก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า

ทั้งนี้ นายวิษณุ ได้หยอกล้อกับผู้สื่อข่าวก่อนขึ้นรถยนต์ว่า “เดี๋ยวห้าโมงเย็นก็มาขนของ”

นายวิษณุ กล่าวถึงสาเหตุที่อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ค่อยใช้บ้านพิษณุโลกเป็นบ้านพักว่า ไม่ได้เกี่ยวกับผีสาง นางไม้ หรือเทวดาอะไร ตนเป็นคนช่วยนายชวน หลีกภัย สมัยเป็นนายกฯ ขนของเข้าไปอยู่ในบ้านพิษณุโลก ข้อเท็จจริงคือ มันมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องพื้น เสียง และความอึกทึกจากข้างนอกที่เข้าไป เมื่ออยู่ในนั้นมันจะได้ยินเสียงทุกอย่างทั้งหมด หากขวัญอ่อนก็นึกว่าผี แต่ความจริงคือคนพูดกัน หากอยู่ชั้น 3 คนพูดกันชั้นล่างก็ได้ยิน ยังเคยเล่นกันเมื่อครั้งทีมงานบ้านพิษณุโลกในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ มีคนนอนอยู่ข้างบน แล้วข้างล่างเขานั่งประชุมกัน คนที่นอนได้ยินที่เขาประชุมกันหมด จึงรู้สึกว่าการออกแบบบ้านนั้นไม่เก็บเสียง แต่จริงๆ ไม่มีอะไร เมื่อปี 2557 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมัยเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เป็นประธานในการซ่อมแซม แต่พอซ่อมแซมไปซ่อมแซมมามันมีปัญหาอีก ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เองเคยเข้าไปนั่งทำงาน แต่ไม่ได้นอน แล้วไปดูจึงพบว่าบ้านพักนายกฯควรจะให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้ แต่บ้านพิษณุโลกไม่มี ซึ่งเคยมีการเสนอให้ไปลงที่สนามม้านางเลิ้งในกรณีจำเป็น