posttoday

ศาลสั่งจำคุก 32 เดือน"วัชระ"หมิ่นอดีตสนช. ปมงบไอทีรัฐสภาใหม่

02 ธันวาคม 2563

ศาลอาญาพิพากษาจำคุก "วัชระ" หมิ่น "ชัชวาล" อดีต สนช. ปมงบไอทีสภาใหม่ ผิด 4 กระทง รวม 32 เดือน ปรับเงิน 3.2 แสน พร้อมชดใช้ค่าเสียหายชื่อเสียง 5 แสน รอลงอาญา 2 ปี

เมื่อวันที่ 2 ธค. 63 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.838/2561 ที่นายชัชวาล อภิบาลศรี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และอดีตประธานคณะกรรมการเร่งรัดการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และขอให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย

โดยโจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.61 จำเลยได้ร่วมจัดรายการ "สามัคคีประชาชน" ทางสถานีโทรทัศน์สยามไทย กล่าวทำนองว่า โจทก์เป็นขาใหญ่ใน สนช. อาละวาดในที่ประชุมคณะกรรมการเร่งรัดฯ จะเอาเงิน 5,000 ล้านบาท โดยผลักดันงบไอทีจาก 3,000 ล้านบาท ไปเป็น 8,000 ล้านบาท กำลังจะโกงประชาชนทั้งประเทศ ต่อมาวันที่ 10 มี.ค.61 จำเลยแถลงข่าวที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ทำนองว่า โจทก์เป็นผู้มีอำนาจเหนือประธาน สนช.ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า โจทก์ไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา และกล่าวยืนยันว่า โจทก์เป็นผู้สั่งให้เพิ่มโป่งพองงบสูงซึ่งเป็นเท็จ และในวันที่ 12 มี.ค.61 จำเลยยังให้สัมภาษณ์ในรายการ "นิวส์หมายข่าว" กล่าวทำนองว่า โจทก์ผลักดันงบประมาณโป่งพอง และรังแกข้าราชการรัฐสภา 18 คน ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน แล้ววันที่ 13 มี.ค.61 จำเลยยังกล่าวในรายการ "นิวส์หมายข่าว" ช่อง New 18 ทำนองว่า โจทก์เป็นผู้มีบารมีตัวจริงใน สนช. ทั้งหมดทั้งที่เป็นเท็จ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอีกด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ

วันนี้นายวัชระ จำเลย ที่ได้รับการประกันตัว ได้เดินทางมาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบแล้ว โจทก์และพยานโจทก์ เบิกความทำนองเดียวกันเกี่ยวกับการถูกดูหมิ่น มีการระบุชื่อโจทก์ชัด กล่าวว่าเป็นขาใหญ่ ซึ่งตามพจนานุกรมให้ความหมายว่าเป็นนักเลงหรือผู้มีอิทธิพล กล่าวหาโจทก์จะทุจริต กลั่นแกล้งข้าราชการชั้นผู้น้อย และสั่งประธาน สนช. ได้ ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนจำเลยนำสืบต่อสู้ว่าเป็นการปกป้องประเทศจากการทุจริตงบประมาณ ยับยั้งงบโป่งพองได้ ติชมด้วยความสุจริตเป็นธรรม ขณะเกิดเหตุงบประมาณไม่แน่นอน จำเลยต้องการยับยั้ง

ศาลเห็นว่า การที่จำเลยกล่าวยืนยันตัวโจทก์ เป็นการใส่ความโจทก์ ไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง

พิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุก 4 กระทง ๆ ละ 1 ปี รวมจำคุก 4 ปี และปรับ 4 กระทง ๆ ละ 120,000 บาท เป็นปรับ 480,000 บาท โดยคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุกกระทง ๆ ละ 8 เดือน และปรับกระทงละ 80,000 บาท รวมเป็นจำคุกทั้งสิ้น 32 เดือน และปรับ 320,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี

ส่วนที่โจทก์เรียกค่าสินไหมทดแทน 1 ล้านบาทนั้นศาลเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของจำเลยก็ถือเป็นกระทำละเมิดต่อโจทก์ แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แล้วคำขอที่โจทก์ขอมานั้นมากเกินไป จึงเห็นควรกำหนดค่าเสียหายให้ 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และให้ลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ , เดลินิวส์ เป็น 3 วันด้วย

ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายวัชระ เปิดเผยว่า ขอน้อมรับในคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แต่จำเลยขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ เพราะเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งจำเลยจะขอความเมตตาจากศาลสูงต่อไป