posttoday

พระแกนนำม็อบเวทีคณะราษฎรโอดจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อความปลอดภัย

22 พฤศจิกายน 2563

"พระปัญญา สีสัน"แกนนำพระร่วมเวทีม็อบคณะราษฏรแจ้งข่าวถูกดำเนินคดีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จำเป็นจะต้องใช้เงินก้อนนึงเพื่อให้มีชีวิตที่ปลอดภัยขึ้น

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. พระปัญญา สีสัน อายุ 39 ปี แกนนำพระที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยกับม็อบคณะราษฎร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Phra Panya Seesun ระบุว่า ตั้งแต่วันแรกๆ ที่อาตมาถูกยัด 112 จำแลง ด้วย พ.ร.บ.คอม (5ปี × 6 = 30ปี) อาตมาปรึกษากับทุกๆ คนที่อาตมาคิดว่า ท่านเหล่านั้นน่าจะให้คำปรึกษาแก่อาตมาได้

กับ ส.ส.ก็คุย หลายท่าน กับครูบาอาจารย์มหาวิทยาลัยก็คุย หลายท่านกับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองก็คุย หลายท่าน

กับผู้ลี้ภัยทางการเมืองก็คุย หลายท่าน

ทุกท่านก็มีน้ำใจกับอาตมา ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำ บ้างก็ถามไถ่สารทุกข์ สุขดิบ "เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม ปลอดภัยแล้วใช่ไหม"

อยู่ในวัด อาตมาไม่สามารถเล่าเรื่องที่ตนเองถูกกระทำได้ ถ้านึกภาพไม่ออก ก็ให้ดูตัวอย่างที่เป็น พลทหาร ตำรวจชั้นผู้น้อย ข้าราชการตัวเล็กๆ ทำไมพวกเขาต้องปิดปากตัวเองทั้งๆ ที่ตนเองเป็นผู้ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เมื่ออาตมามีความพร้อมระดับนึงที่จะบอกสังคมว่า อาตมาถูกระบบรัฐราชการรวมศูนย์กลั่นแกล้ง รังแก อาตมาก็ลงข้อมูลในเฟซตัวเอง ฝากโพสต์ไปทางกลุ่มต่างๆ แอดมินที่อยากช่วย เขาอนุมัติโพสต์ให้ รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง ก็ลงให้ตั้ง 3 โพสต์ ทั้งพระและโยมก็เมตตาช่วยกดไลค์ กดแชร์ ช่วยให้ความเห็น สำนักข่าวก็เมตตาเขียนข่าวให้

จนกระทั่งวันนี้ อาตมาจำเป็นจะต้องใช้เงินก้อนนึง เพื่อให้มีชีวิตที่ปลอดภัยขึ้น ซึ่งก็มีโยม 3 ท่านเอ่ยวาจาปวารณา รวบรวมธารน้ำใจของสาธุชนผู้ไม่ทอดธุระในความอยุติธรรมของบ้านเมืองนี้แล้วมีกำลังทรัพย์ที่เหลือพอสำหรับการกระทำจาคะ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยที่ตนเองไม่เดือนร้อน

ภิกษุถูกฝึกมาโดยพระธรรมวินัย ถ้าโยมไม่เอ่ยปากปวารณาให้ขอจตุปัจจัย ภิกษุจะขอเป็นการเฉพาะเจาะจงไม่ได้

อาตมาจึงไม่เคยอินบ็อกซ์ไปบอกใครๆ ว่าอาตมาต้องการจตุปัจจัย อย่างนั้นอย่างนี้ เท่านั้น เท่านี้ เว้นไว้แต่โยมที่ปวารณาให้อาตมาเอ่ยปากขอได้ อาตมาจึงจะขอ

ครูโบว์ทราบเรื่องและเห็นเอกสารด้านคดีความของอาตมามาตั้งแต่ต้น แล้วครูโบว์ได้เอ่ยวาจาให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับอาตมา ตั้งแต่วันแรกที่ครูโบว์ทราบข่าวอีกด้วย

อาตมาขออนุโมทนาบุญกับญาติโยมทุก ๆ ทุกท่านที่ร่วมกันกระทำจาคะมา ณ โอกาสนี้

ท่านที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราวของการกระทำจาคะของเหล่าสาธุชน แล้วรู้สึกปลาบปลื้มใจ ปีติ ยินดี มีความสุข ก็ขอให้ท่านเหล่านั้นได้รับรู้ว่า แม้ท่านทั้งหลายก็เป็นผู้มีส่วนแห่งบุญในการกระทำจาคะของเหล่าสาธุชนในครั้งนี้ ตามพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ดังนี้ว่า

"ผู้มีปัญญารอบรู้และปราศจากความตระหนี่ ย่อมถวายทานตามกาลสมัยในพระอริยเจ้าทั้งหลาย ผู้ประพฤติตรงคงที่

เมื่อมีใจเลื่อมใสศรัทธาแล้ว ทักษิณาย่อมมีผลอันไพบูลย์

ชนทั้งหลายเหล่าใดร่วมอนุโมทนา หรือช่วยกระทำการขวนขวายในทานนี้ ทักษิณานั้นมิได้พร่องไปด้วยเหตุแห่งอนุโมทนานั้นเลย

แม้ชนผู้ร่วมอนุโมทนา ก็มีส่วนแห่งบุญด้วย

เพราะฉะนั้น เมื่อบุคคลไม่มีจิตท้อถอยในทาน ทานนั้นย่อมมีผลมาก

บุญที่ทำแล้ว ย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย ในกาลข้างหน้าได้แล."

(ในคาถาผนวกท้ายพระสูตรนั้น มีบาลีอย่างนี้)

กาเล ทะทันติ สัปปัญญา วะทัญญู วีตะมัจฉะรา, กาเลนะ ทินนัง อะริเยสุ อุชุภูเตสุ ตาทิสุ, วิปปะสันนะมะนา ตัสสะ วิปุลา โหติ ทักขิณา, เย ตัตถะ อนุโมทันติ เวยยาวัจจัง กะโรนติ วา, นะ เตนะ ทักขิณา โอนา, เตปิ ปุญญัสสะ ภาคิโน, ตัส๎มา ทะเท อัปปะฏิวาณะจิตโต ยัตถะ ทินนัง มะหัปผะลัง, ปุญญานิ ปะระโลกัส๎มิง ปะติฏฐา โหนติ ปาณินันติ