posttoday

จตุพรเหน็บคนยุเด็กก่อม็อบ แนะให้เลยวันที่13ต.ค.ก่อนค่อยนัดใหม่

11 ตุลาคม 2563

“จตุพร” ซัดพวกยุยง ปลุกเด็กชุมนุม ชี้อยู่แต่ข้างเวที แต่พอเกิดเรื่องวิ่งหนีก่อน เตือนควรเน้น2ข้อเรียกร้อง ไล่ พล.อ.ประยุทธ์-เปิดประชุมสภารับร่างแก้รธน.จากประชาชน หากเกินเลยกว่านั้นพังแน่

เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 63 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ ลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์ ว่า การออกมาพูดถึงชุมนุม 14 ต.ค.นี้ โดยเฉพาะข้อเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันนั้น ตนไม่กลัวทัวร์ลง แต่กลัวพัง และกลัวสิ่งที่จะไปลงกับเด็ก นิสิต นักศึกษา ประชาชน ที่ชุมนุมบริเวณอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย บนถนนราชดำเนินตามนัด

“สถานการณ์ในวันนี้อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง โดยเฉพาะพวกที่ช่างยุยงทั้งมาจากต่างประเทศและในประเทศ ยุอยากให้เด็กขึ้นเวที แต่เมื่อมีการเกิดเรื่อง พวกยุยงกลับวิ่งหนีกันหมดพวกชุมนุมที่เอาแต่ยุยงมักเป็นเช่นนี้เสมอ และคิดถึงการปล่อยตัวนายอานนท์ นำภา กับ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไม่ว่า นอนในคุกอยู่ดีๆ แล้วตื่นมาถูกปล่อยตัว ไม่คิดหรือว่า ใครจะกล้ามาสั่งปล่อย เมื่อฟังความกันแค่สองบรรทัดกลับมากล้าวิจารณ์ผม”นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า ประเด็นหลักการชุมนุมตามนัด 14 ต.ค.นั้น อยู่ที่ 13 ต.ค. เป็นวันคล้ายวันสวรรคต รัชกาลที่9 ประชาชนนัดชุมนุมสวมเสื้อเหลืองไว้อาลัย แล้ววันที่ 14 ต.ค.จะชุมนุมใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้ รถตู้ที่จะนั่งมาชุมนุมกล้ามาสักคันหรือไม่ ดังนั้น การคิดอ่านสถานการณ์การเมืองต้องขึ้นอยู่กับความจริงก่อน อย่าเอาแต่ยุยงเด็กๆให้ชุมนุม

อีกอย่าง ประเด็นที่ควรวิเคราะห์กันอย่างหนักนั้นคือ ถ้าต้องการจัดการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สถานการณ์ในวันนี้มีโอกาสให้ทำสำเร็จและจบม้วนเดียวตามต้องการ แล้วสามารถเปลี่ยนรัฐบาลได้ สิ่งสำคัญเนื้อหาการชุมนุม 14 ต.ค.ควรเน้นที่ 2 ข้อเรียกร้องเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเนื้อหาการพูดบนเวทีไล่พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงรัฐบาลเพียง 10% แสดงถึงเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลและต้องการไล่ พล.อ.ประยุทธ์

นายจตุพร ย้ำถึงความเชื่อว่า ถ้าเอา 2 ข้อคือ ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ และเรียกร้องให้เปิดประชุมสภาวิสามัญเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ คนจะมาร่วมชุมนุมจำนวนมากเต็มถนนราชดำเนิน และไม่มีอาการอึดอัดในการแสดงออกตามข้อเรียกร้องด้วย

ส่วนข้อการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบัน เมื่อพิจารณาถึงกระแสต่อเนื่องจากวันที่ 13 ต.ค. ไปถึงวันที่ 14 ต.ค. จะเปิดช่องว่างให้ถูกตีกลับได้ง่าย ดังนั้น ที่ตนพยายามอธิบายถึงสถานการณ์ด้วยความห่วงใยเด็ก นิสิต นักศึกษา กลับถูกทัวร์ลงให้อยู่เฉยๆ อย่าพูด และยังแดกดันว่าเป็นไดโนเสาร์เสียอีก

ดังนั้น เมื่อมีกระแสต่อจาก 13 ต.ค. ถึง 14 ต.ค.คนก็ไปชุมนุม และตนก็อยู่เฉยไม่ได้ แต่ตนเป็นคนแบบนี้ต้องพูดความจริงกัน ตนเห็นด้วยกับ 2 ข้อเรียกร้อง อีกข้อไม่เห็นด้วย แม้ทัวร์ลงก็ไม่กลัว แต่กลัวที่จะลงกับเด็กไม่ใช้ทัวร์

“ถ้าเป็นผมจะปรับวิธีการใหม่ รอให้งานวันที่ 13 ต.ค. ผ่านก่อน แล้วนัดกันใหม่ เพื่อเกิดชอบธรรม ผมเชื่อว่า ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ รถขนคนมาวันชุมนุม 14 ต.ค.ก็ไม่กล้ามา”

นายจตุพร กล่าวว่า ที่ตนพูดเช่นนี้เพราะเสียดายขบวนการนิสิต นักศึกษาที่เดินมาไกล เพราะคนอยากจัดการรัฐบาล ต้องการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งคนจะมากจนราชดำเนินเอาไม่อยู่ แต่ต้องพูดความจริงเพราะไม่ต้องการให้ใครมาตาย มาเป็นวีรชนอีกแล้ว

สิ่งสำคัญ การพูดเตือนถึงสถานการณ์ของตน ไม่มีการแลกกับคดีข้อหาใดๆทั้งสิ้น ตนทุกวันนี้ยังขึ้นศาลปกติ ชีวิตวันนี้ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย การพูดมาทั้งหมดที่ผ่านมายังจะพูดต่อ ไม่หวั่นกับทัวร์ลง ไม่ต้องการเสียงสรรเสริญเยินยอ เพียงแต่สถานการณ์ในวันนี้เสียดายขบวนนิสิต นักศึกษา ซึ่งเดินมาไกล สร้างได้ใหญ่โตกว่าช่วง 14 ต.ค. 16 เมื่อขบวนการลุกขึ้นมาได้ มีคนมากมายสนับสนุน จึงต้องคิดให้หนักด้วยความรอบคอบ