posttoday

เปิดคำพิพากษาศาลสั่งจำคุก 1 เดือน -ตัดสิทธิ์ 5 ปี "นาที" แจ้งทรัพย์สินเท็จ

28 สิงหาคม 2563

เผยคำพิพากษา องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์คดีนักการเมืองในศาลฎีกา พิพากษาจำคุก 1 เดือน ให้รอลงอาญา 1 ปี-ตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ปรับ 4,000 บาท "นาที รัชกิจประการ" ส.ส.ภูมิใจไทย เฉพาะเคสพ้นตำแหน่ง ส.ส.จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ศาลฎีกา สนามหลวง องค์คณะวินิจฉัยชั้นอุทธรณ์ 9 คนที่เลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อม.อธ.5/2562 ที่นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย 2 สมัย ผู้ถูกกล่าวหา เรื่องการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโต้แย้งผลคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็น ผู้ร้อง

โดยคดีนี้ เมื่อวันที่ 9 ก.ค.62 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่า นางนาที ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง ส ส.บัญชีรายชื่อ โดยมีคำสั่งห้ามผู้ถูกกล่าวหา ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีนับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง (วันที่ 9 ธ.ค.56) และลงโทษทางอาญา จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษ (รอลงอาญา) ไว้มีกำหนด 1 ปีตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง และมาตรา 119 นั้น

ขณะที่ "องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์" พิจารณาแล้วเห็นว่า ป.ป.ช. ผู้ร้อง มีคำขอให้ลงโทษนางนาที ผู้ถูกกล่าวหา ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 , 167 แม้ขณะยื่นคำร้องมีการยกเลิก พ ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิด แต่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ยังกำหนดให้การจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ยังคงเป็นความผิดอยู่เช่นเดิม จึงเป็นกรณีกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังไม่แตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด ดังนั้นจึงต้องใช้กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดมาบังคับแก่คดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 2 วรรคหนึ่ง ที่เป็นการปรับบทกฎหมายให้ถูกต้อง

สำหรับมาตรการบังคับทางการเมือง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เป็นมาตรการบังคับทางการเมืองที่ใช้ในขณะกระทำความผิดและเป็นคุณแก่นางนาที ผู้ถูกกล่าวหา ยิ่งกว่ามาตรการบังคับทางการเมืองตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทำความผิด ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดมาตรการบังคับทางเมืองกับนางนาที ผู้ถูกกล่าวหา ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง

เมื่อนางนาที ผู้ถูกกล่าวหา ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อ ป.ป.ช.ผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 ม.ค.57 โดยเป็นการยื่นตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่ง ป.ป.ช.ผู้ร้อง มีมติเมื่อวันที่ 21 พ.ย.61 อันเป็นเวลาหลังจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มีผลใช้บังคับแล้ว ผู้ร้องจึงมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาและยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ได้

เมื่อข้อเท็จจริง ปรากฏว่าทรัพย์สินและหนี้สินที่นางนาที ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่ง ได้แก่ ที่ดิน 2 แปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 หลังมูลค่ารวม 2 ล้านบาท และหนี้สินของคู่สมรส 4 รายการ รวม 93,039,949 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินจำนวนมากที่ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ว่า ไม่ทราบถึงการทำธุรกรรมของคู่สมรสและเป็นความผิดพลาดของเลขานุการนั้น แสดงให้เห็นว่านางนาที ผู้ถูกกล่าวหาไม่ตระหนักถึงหน้าที่ที่ตนซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพึงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้กลไกการตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ไม่เกิดประสิทธิผลต่อการตรวจสอบ

ข้อแก้ตัวตามอุทธรณ์ของนางนาที ผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้อที่ง่ายต่อการกล่าวอ้างเพื่อให้ตนเองพ้นผิด จึงฟังไม่ขึ้น ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลงโทษจำคุกและปรับผู้ถูกกล่าวหาโดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปีเหมาะสมแก่พฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหาแล้วองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของนางนาที ผู้ถูกกล่าวหา ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ทั้งนี้ส่วนกรณีเข้ารับตำแหน่งนั้น ขาดอายุความทางอาญาแล้ว จึงไม่อาจนำมาตรการจำกัดสิทธิทางการเมืองมาใช้บังคับแก่กรณีนี้ได้ จึงเห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง

จึงพิพากษาแก้เป็นว่า นางนาที รัชกิจประการ ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบเฉพาะกรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32,33,34 วรรคสอง

นอกจากที่พิพากษาแก้ดังกล่าวแล้ว ผลส่วนอื่นก็ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ "นางนาที" นั้น ครอบครัวเป็นเจ้าของธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเครือพีที ซึ่ง "นางนาที" เคยได้รับเลือกเป็นประธานสภาพัฒนาสตรีจังหวัดพัทลุง และประธานสโมสรฟุตบอลจังหวัดพัทลุง เอฟซี

ด้านการทำงานทางการเมืองนั้น "นางนาที" เคย ส.ว.จังหวัดพัทลุง ในการเลือกตั้ง ส.ว. ปี 49 แล้วต่อมาได้เข้าร่วมงานการเมืองกับกลุ่มเพื่อนเนวิน เคยได้รับมอบหมายหน้าที่เลขานุการประธานรัฐสภายุคนายชัย ชิดชอบ) ปี 2551-2554 ด้วย โดย "นางนาที" ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทยครั้งแรก ปี 2554

โดยการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ครั้งแรกต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่ิอเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อสมัยแรก วันที่ 3 ก.ค.54 นั้น นางนาที แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 90,109,472.45 บาท โดยนายพิพัฒน์ คู่สมรส มีทรัพย์สิน 214,379,539.25 บาท รวมทรัพย์สิน 304,489,011.70 บาท และมีหนี้สิน จำนวน 2,310,028.19 บาท