"เทพไท" อัดนโยบายน้ำมันปาล์มไม่ต่อเนื่อง ทำราคาร่วง

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปราย ญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างเป็นระบบ ว่า ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ เป็นปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรชาวสวนปาล์มเป็นเวลาต่อเนื่องมาหลายปี นับตั้งแต่ยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ปี2553 สินค้าเกษตรมีราคาสูงทุกชนิด เช่น ราคาปาล์มน้ำมัน ก.ก.ละ10บาท ยางพารา ก.ก.ละ180บาท ซึ่งอยู่ในความทรงจำของเกษตรกรตลอดเวลา เพราะราคาผลผลิตการเกษตรที่ดีแบบนี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกแล้ว

แม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะนำนโยบายประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มของพรรคประชาธิปัตย์ไปใช้ เพื่อจ่ายค่าส่วนต่างให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ที่ราคาประกันรายได้ ก.ก.ละ 4 บาทแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหารายได้ของเกษตรกรที่ยั่งยืนได้ เพราะต้นทุนการผลิตของปาล์มน้ำมัน อยู่ที่ ก.ก.ละ3.36บาท ซึ่งไม่สามารถที่จะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มให้มีชีวิตที่ดีได้ และชาวสวนปาล์มก็เสียโอกาสมาโดยตลอด จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พบว่า ตั้งแต่ปี2558 เฉลี่ยราคา ก.ก.ละ3.07-5.43บาท จนถึงปี2562 ราคาปาล์มน้ำมันอยู่ที่ ก.ก.ละ 2.80บาทเท่านั้น และวันนี้ราคาปาล์มน้ำมัน ราคารับซื้อของลานเทในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช อยู่ที่ ก.ก.ละ 3.6- 3.90 บาทเท่านั้น

สาเหตุของปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำคือ

1.พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นไม่มีการจัดระบบโซนนิ่ง เพื่อกำหนดพื้นที่ปลูกปาล์มอย่างเหมาะสม มีการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มอย่างต่อเนื่อง

2.ผลผลิตของปาล์มน้ำมัน มีอัตราผลผลิตที่สูงขึ้นตามลำดับ เพราะมีการพัฒนาสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

3.การใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศ คือการได้ใช้ในการบริโภคในครัวเรือน และอุตสาหกรรมอาหารเท่านั้น ส่วนการนำไปเป็นส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงไบโอดีเซล ชนิดบี5 บี7 บี10 บี20 จนถึง บี100 ไม่มีความต่อเนื่องในเรื่องนโยบายของรัฐบาล

4.การส่งออกน้ำมันปาล์ม ไปสู่ตลาดโลกไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เช่นประเทศอินโดนีเซีย ประเทศมาเลเซีย และบางครั้งยังถูกลักลอบนเข้าน้ำมันปาล์มเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย

จึงขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หามาตรการช่วยเหลือ แก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันให้มีราคาสูงอย่างยั่งยืนต่อไป