posttoday

จตุพรเชื่อคดี "บอส" โหมไฟไล่รัฐบาล

26 กรกฎาคม 2563

“จตุพร”เตือนรัฐควรยื่นมือรับ 3 ข้อเรียกร้องของนักศึกษาเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี เชื่อคดี "บอส อยู่วิทยา"เป็นชนวนเติมพลังให้ม็อบไล่รัฐบาลคึก

เมื่อ 26 ก.ค. 63 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าววิเคราะห์สถานการณ์การเมืองว่า ไม่ว่าไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึงคดีของทายาทกระทิงแดง ขับรถชนตำรวจ จนกระทั่งมีคำสั่งไม่ฟ้องอย่างเด็ดขาด ดังนั้นที่ต้องยกตัวอย่างกระทิงที่ทุ่งใหญ่นเรศวรนั้น เพราะเป็นประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ว่า ความอยุติธรรมใดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะมีอำนาจเพียงใด ไม่สามารถทัดทานผู้ต้องการแสวงหาความยุติธรรมนั้นได้

นายจตุพรกล่าวว่า การเป็นรัฐบาลของจอมพล ถนอม กิตติขจร ภายหลังยึดอำนาจตัวเอง ก็เข้าใจว่า อย่างไรก็ตามอำนาจนั้นเป็นนิรันดร แต่วันดีคืนดีมีชนวนเหตุ ที่นายทหาร นำเฮลิคอปเตอร์ของทางราชการ ไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร หนึ่งในนั้นคือกระทิง เก้ง กวาง จำนวนมากและนำซากสัตว์กลับมาด้วย แต่ด้วยน้ำหนักมากเกินกว่า เฮลิคอปเตอร์จะบรรทุกไหว ทำให้ เฮลิคอปเตอร์ตกที่ อำเภอดอนตูมจังหวัดนครปฐม และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ออกหนังสือเรื่องมหาวิทยาลัยไม่มีคำตอบขายเล่มละ 1 บาทในขณะนั้น เกี่ยวกับกรณีการล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่นเรศวร และมีการเปรียบเปรยกับการต่ออายุราชการให้กับผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นด้วย

อธิการบดีรามคำแหงในขณะนั้น ซึ่งเป็นคนที่รัฐบาลส่งมาให้บริหารมหาวิทยาลัย ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่เมื่อนักศึกษาและกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ออกหนังสือเล่มดังกล่าว ก็ถูกลบชื่อทันที ทำให้เกิดวิวัฒนาการร่วมมือกันระหว่างรามคำแหงกับศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย มีการชุมนุมเรียกร้อง ให้มีการคืนสถานภาพ แต่สถานการณ์ลุกลามไปถึง การเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญ

ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นบริบทของปรากฏการณ์ที่เหมือนกัน เพียงแต่ต่างกันตรงที่กระทิงทุ่งใหญ่นเรศวร กับกระทิงแดงทองหล่อ จนวิวัฒนาการนำไปสู่ปรากฏการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และท้ายที่สุด เป็นจุดจบของรัฐบาลจอมพลถนอมที่อยู่ในอำนาจมาอย่างยาวนาน ดังนั้นประวัติศาสตร์ได้ อธิบายอย่างชัดเจนว่า ชนวนการล่ากระทิงที่ทุ่งใหญ่นเรศวรนั้นนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

ทั้งนี้ ในตอนที่ประวัติศาสตร์ของกระบวนการคนเสื้อแดงยังแข็งแรง หัวใจหลักที่พูดถึงคือ เรื่อง 2 มาตรฐาน เรื่องความอยุติธรรม ความเท่าเทียมกัน ทำให้กระแสคนเสื้อแดงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมานั้น ตนเคยพูดหลายครั้งว่า ในกระบวนการทำคนเสื้อแดงในอดีตนั้นบอกว่า อย่าเอาเงินมานำ แต่เอาความรู้สึกอุดมคติเข้าไปวาง เพื่ออธิบายใฟ้ฟังว่า ความอยุติธรรมเหมือน การเอาน้ำมันไปราดใส่กองไฟ เวลานี้เกิดแฟลชม็อบ เต็มบ้านเต็มเมืองโดยมีข้อเรียกร้องประเด็นหลัก 3 หัวข้อถือเป็นประเด็นสาธารณะ แต่ที่ส่งเสริมพลังให้เติบโตทวีความรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ คือกรณีกระทิงแดงทองหล่อ ที่ส่งผลกระทบกระเทือนใจสาธารณะและเป็นชนวนทางความรู้สึกอย่างรุนแรงที่สุด

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ผู้มีอำนาจจะต้องมารับข้อเรียกร้องของคนหนุ่มสาว โดยให้มองเป็นปรากฏการณ์ว่าเป็นความคิดเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว แต่เป็นข้อเรียกร้องที่เป็นประโยชน์สาธารณะและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ดังนั้นตนเชื่อว่า หากสร้างบรรยากาศที่เป็นไปร่วมกันได้ ปลายทางที่มีความกังวลกันนั้นก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี