posttoday

"พิธา"ซัด"บิ๊กตู่"ตัวขัดขวางอนาคตความเจริญของประเทศแนะฟังเสียงคนรุ่นใหม่

23 กรกฎาคม 2563

“พิธา”ชี้ ม็อบนศ.เป็นผลพวงความล้มเหลวจากอดีตเตือนรัฐบาลต้องไม่เห็นประชาชนเป็นศัตรูยันถึงเวลาต้องรับฟังและยอมรับความจริง

เมื่อวันที่ 23ก.ค.2563 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้อภิปรายสรุปญัตติด่วน ขอให้สภารับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน และกลุ่มพลังทางสังคมคนหนุ่มสาวที่อยู่นอกรั้วสถาบันการศึกษา ว่า ในขณะนี้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยในหลายจังหวัด มีเยาวชนคนหนุ่มสาว รวมถึงประชาชนจำนวนมาก กำลังชุมนุมเรียกร้องเพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้ของประเทศไทยกันอยู่

ทั้งนี้ข้อเรียกร้องของเยาวชนเหล่านี้คือข้อเรียกร้องที่รัฐบาลต้องรับฟังอย่างจริงใจ รัฐบาลต้องไม่มองพวกเขาเป็นศัตรู ไม่มองว่าพวกเขาเป็นภัยคุกคาม ไม่ดูถูกการออกมารวมตัวของพวกเขาว่าเป็นม็อบมุ้งมิ้ง และไม่ดูถูกพวกเขาโดยการบอกว่าพวกเขาโดนพรรคการเมืองไหนปั่นหัวให้ออกมากัน แต่จริงๆ แล้วเยาวชนเหล่านี้เป็นผลพวงจากความล้มเหลวของพวกเรา  ทำให้พวกเขาต้องมาใช้ชีวิตในประเทศไทยที่ไร้อนาคตขนาดนี้

นายพิธา กล่าวอีกว่า ข้อเสนอของพวกเขาเป็นข้อเสนอที่เข้าใจง่าย และไม่ได้เกินเลยไปจากวิกฤติเศรษฐกิจการเมืองที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ภายใต้การบริหารของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และสิ่งที่เห็นได้ชัดมาตอนนี้คือการจงใจต่ออายุสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล ไม่ได้มีไว้เพื่อปราบโควิด แต่มีไว้เพื่อปราบปรามประชาชนผู้เห็นต่างจากรัฐบาลในสังคมประชาธิปไตย รัฐมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาลของตัวเอง 

"พวกเขากำลังสงสัยว่า วันใดหนอที่พวกเขาจะถูกอุ้มหาย วันใดเจ้าหน้าที่ จะมาเคาะประตูบ้านคุกคามครอบครัวของเขา วันใดพวกเขาจะถูกดำเนินคดี วันใดพวกเขาจะถูกจับเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ยัดเยียดให้เป็นคนจิตผิดปกติ เพียงเพราะแสดงออกในสิ่งที่รัฐไม่อยากให้พูด ในสิ่งที่รัฐไม่อยากจะฟัง ท่านประธานครับ ตอนนี้ประชาชนมองว่ารัฐเป็นภัยมั่นคงของประชาชน"นายพิธา กล่าว

ขณะที่เศรษฐกิจแย่มาก่อนโควิดแล้ว แต่โควิดซ้ำเติมให้เป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต ประชาชนกำลังตกทุกข์ได้ยาก ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้ นักศึกษาจบใหม่กว่าสี่แสนคนที่จะไม่มีงานทำ และจะมีคนจะตกงานสูงถึง 8.4 ล้านคน  ประเทศไทยไม่ได้แค่อยู่กับที่ เรากำลังเดินถอยหลัง เยาวชนเหล่านี้เค้าไม่มีแม้แต่เสรีภาพที่จะประกันอนาคตที่ดีในประเทศไทย พวกเขาต้องเติบโตมาในสภาพสังคมที่คุณภาพชีวิตแย่เหลือเกิน มันไม่น่าแปลกใจเลยนะครับที่เยาวชนเหล่านี้กำลังต้องการทำให้อนาคตของตัวเองมั่นคงขึ้น ดีขึ้นกว่าทุกวันนี้

อย่างไรก็ตามถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ใช่รัฐธรรมนูญหรอกครับ แต่เป็นเพียงใบอนุญาตให้คณะรัฐประหารมานั่งบริหารประเทศนี้ต่อไปเรื่อยๆ เท่านั้น เป็นใบอนุญาตให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอยู่เหนืออำนาจของประชาชนตลอดไป

ดังนั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องมีรัฐธรรมนญฉบับใหม่  สิ่งที่สังคมไทยต้องการคือข้อตกลงร่วมกันของทุกฝ่าย คือระบบการเมืองที่มีประสิทธิภาพและอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เพื่อทำให้ประเทศนี้เดินไปข้างหน้าได้เสียที

นายพิธา ยังได้กล่าวถึงข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ที่จะไปสู่ทางออกของประเทศในเวลานี้คือ การกระทำที่เป็นรูปธรรมที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ 1.ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเสียที เพื่อเปิดพื้นที่ทางการเมือง หยุดกดทับสิทธิเสรีภาพประชาชน เพราะถ้ารัฐกดทับประชาชนไปเรื่อยๆ แบบนี้ วันหนึ่งสิ่งเหล่านี้จะระเบิดออกมา

2.ทบทวนการดำเนินคดีที่เป็นคดีทางการเมืองที่ผ่านมาทั้งหมด หยุดปิดปากนักศึกษาและประชาชนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น หยุดปิดปากอนาคตของประเทศ การดำเนินคดีไม่ใช่ทางออกของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น

3.รัฐบาลควรหยุดคุกคามเยาวชนและครอบครัว หยุดคุกคามในสถานศึกษา รวมถึงหยุดใช้ปฏิบัติการข่าวสารหรือ IO ที่ยุยงปลุกปั่นให้สังคมมีความขัดแย้ง สร้างกระแสความเกลียดชังในประชาชนกันเอง ซึ่งจะทำให้สังคมแตกหักมากขึ้นไปเรื่อยๆ

4.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาล้มเหลวเพียงใด เป็นตัวขัดขวางอนาคต เป็นตัวขัดขวางความเจริญของประเทศนี้ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ควรหลีกทาง

5.ต้องเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งมาจากประชาชนที่แท้จริง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเขียนกติกาสูงสุดของประเทศ โดยพรรคก้าวไกลเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ สสร ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน และไม่ต้องกำหนดวุฒิการศึกษาของสมาชิก สสร รวมทั้งเปิดให้ผู้มีอายุตั้งแต่อายุ 18 ปี เป็น สสร ได้ เพื่อให้ประชาชนจากทุกชนชั้น ทุกสถานะ ทุกรุ่น ให้เข้ามากำหนดระบบการเมืองที่พวกเขาต้องการด้วยตนเอง นี่เป็นบันไดขั้นแรกที่จะเป็นทางออกของประเทศไทยในตอนนี้

“ถ้าพวกเราพร้อมและต้องการที่จะรับฟังเสียงของคนรุ่นใหม่จริงๆ  ผมขอเชิญชวนให้ตั้งสติเสียใหม่ เปิดใจ ปรับมุมมอง แล้วลงมือหาทางออกของประเทศไปด้วยกัน แต่ถ้าเราไม่พร้อม เราก็จะมองเห็นเพียงแค่ว่า ผู้เป็นอนาคตของชาติเหล่านั้น เป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นภัยคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  เช่นนั้น ประเทศก็จะไม่มีทางออก ไม่มีอนาคต เพราะพวกเราช่วยกันฆ่าอนาคตของประเทศด้วยมือของพวกเราเองแล้ว”นายพิธา กล่าว