posttoday

"วิษณุ"ให้รอศบค.ชุดใหญ่ถก17ก.ค.นี้ ต่ออายุพรก.ฉุกเฉินหรือไม่

14 กรกฎาคม 2563

"วิษณุ" ชี้ต่อ พรก.ฉุกเฉินหรือไม่รอมติ ศบค.ชุดใหญ่ 17 กค.นี้ นายกฯ แจ้ง ครม.หารือ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ กำชับทุกกระทรวงระวังการใช้งบฯ

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 63 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ศปก. ศบค. มีมติให้ทบทวน การให้สิทธิพิเศษกับผู้เดินทางเข้าในประเทศ และการผ่อนคลาย เรื่องการเดินทางเข้าไทยของคณะทูตจากต่างประเทศ ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในประเด็นใดบ้าง เพราะต้องมีการหารือกับที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันศุกร์ที่ 17 ก.ค.นี้ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงก็จะต้องจัดทำข้อกำหนดฉบับใหม่ก่อนที่จะนำเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาตรการที่สำคัญๆ หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบเพราะต้องไปถามผู้ที่เตรียมการ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตนไม่สามารถให้รายละเอียดได้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนดังกล่าวจะไม่กระทบต่อ พรก.ฉุกเฉิน เนื่องจาก พรก.ฉุกเฉิน เป็นภาพใหญ่ ส่วนที่จะแก้ไขนั้นเป็นเพียงคู่มือและคำแนะนำ

เมื่อถามว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นจะทำให้มีการขยาย พรก.ฉุกเฉิน ที่จะสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคมนี้ ออกไปอีกหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่ได้เกี่ยวกันโดยตรง เมื่อถามย้ำว่ามีโอกาสที่จะขยาย พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หรือไม่นายวิษณุกล่าวว่าตนตอบไม่ได้ ต้องรอการประชุม ศบค. ในวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคมนี้

"พวกคุณที่ฟังการแถลงของ ศบค. มากกว่ารู้รายละเอียดมากกว่าคนที่นั่งประชุมในห้อง ครม.เสียด้วยซ้ำ เพราะหมอทวีสินรู้ดีกว่า ครม. เพราะ ครม. มัวแต่คุยกันเรื่องอื่น" รองนายกฯ กล่าว เมื่อถามบรรยากาศใน ครม. นายกฯ มีความเป็นห่วงเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีการพูดคุย ถึงเรื่องดังกล่าวเพียงนิดเดียว โดยนายกปรารภเพียงสั้นๆ และใช้เวลาหารือเรื่องอื่นมากกว่า

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมนายกรัฐมนตรีได้แจ้งที่ประชุมให้ทราบถึงการเข้าพบของ ผบ.ทบ.สหรัฐอเมริกา ในการหารือไม่ได้มีการพูดถึงสถานการณ์ในทะเลจีนใต้และสงครามทางการค้า เป็นการพูดคุยถึงความสัมพันธ์และการลงนามในร่างเอกสารร่วมกันระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ทาง ผบ.ทบ.สหรัฐชื่นชมการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด19 ของไทยด้วย การหารือส่วนใหญ่หารือทางด้านการทหาร ขณะเดียวกันนายกฯได้ฝากทูตสหรัฐฯ เรื่องความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิคลาย นายกฯฝากเชิญชวนนักลงทุนในสหรัฐฯ ให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ จากนั้นนายกฯยังแจ้งที่ประชุมให้ทราบข่าวดีที่รัฐบาลได้รับการจัดอันดับจากองค์การสหประชาชาติ เรื่องรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ที่ปีนี้เราได้ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 57 เพิ่มขึ้นมา 6 อันดับ จากเมื่อ 2 ปีที่แล้วอยู่ในอันดับที่ 73 ปี สะท้อนความสำเร็จยุทธศาสตร์ชาติด้านที่ 6

นางนฤมลกล่าวว่า นายกฯ ยังฝากทุกกระทรวงให้เน้นเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพราะหลังจากที่ไปพบสื่อมวลชนด้านสิ่งพิมพ์สะท้อนให้เห็นว่า เรื่องแผนยุทธศาสตร์ยังต้องทำความเข้าใจเพิ่มขึ้นผ่านสื่อมวลชนไปยังพี่น้องประชาชนว่ายุทธศาสตร์ชาติมีอะไรบ้าง และฝากทุกกระทรวงพัฒนาแผนงานให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติด้วย เน้นย้ำว่าแผนงานต้องยึดโยงกันพร้อมกำชับทุกกระทรวงระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณโดยเฉพาะแผนฟื้นฟูใน พรก.เงินกู้ ซึ่งได้รับการจับตามองจากทุกฝ่ายและขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ นายกฯ ฝากเริ่มโครงการสำคัญทั้งหลายที่ นำลงไปพัฒนาพื้นที่เขตจังหวัดชายแดนภาคใต้อยากให้เน้นการพัฒนาเพื่อที่จะแก้ปัญหาความไม่สงบ

นางนฤมลกล่าวว่า ขณะเดียวกันมีข่าวดีเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนสำหรับโควิด นายกฯ ฝากกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม แพทย์ พยาบาล นักวิจัยทั้งหลายรวมถึงการเตรียมการเรื่องความพร้อมในการทดสอบวัคซีน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมวสาธารณสุขระบุว่าจะต้องมีการทดลองใน 5,000 เคส อาจจะมีข้อจำกัดในประเทศไทยเพราะ ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนไม่มาก อาจจะขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ในแผนที่จะดำเนินการต่อไป

นางนฤมลกล่าวว่า ขณะเดียวกันยังมีเรื่องการประมวลผลข้าราชการ เช่น ก.พ.ร. น่าจะมีการพิจารณาประเมินผลแยกกันสำหรับข้าราชการในแต่ละประเภทในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงาน วิสัยทัศน์ ทัศนคติ ต้องมีเกณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป ที่นายกฯเน้นย้ำกับ ครม.คือการรับฟังความคิดเห็น โดยนายกพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนไม่ใช่เฉพาะภาคเอกชนหรือภาคเศรษฐกิจ ยังไปรับฟังจากสื่อมวลชนและจะมีการเปิดเวทีรับฟัง จากประชาชนผ่านช่องทางต่างๆต่อไปรวมถึงและฟังเสียงสะท้อนจาก ส.ส. ที่เป็นตัวแทนประชาชนด้วย