posttoday

"เทพไท"หนุนตั้งกมธ.ตรวจสอบเงินกู้ชี้"ฝูงเหลือบ-ปลิง-อีแร้ง"คอยทึ้งเพียบ

28 พฤษภาคม 2563

ส.ส.ประชาธิปัตย์ติงเยียวยาโควิดไม่ทั่วถึงลักลั่นล้าช้าไม่ทันสถานการณ์ความเดือดร้อนหวั่นเงินกู้1.9ล้านล้านบาท รั่วไหลหนุนตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้เงินทุกโครงการ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายถึงเนื้อหา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และหื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 โดยระบุว่า ในส่วนแผนงานหรือโครงการช่วยเหลือเยียวยา และชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 นั้น ต้องยอมรับว่า กระทบต่อคนไทยทุกคน ซึ่งรัฐบาลต้องเยียวยาให้กับคนไทยทุกคน

แต่รัฐบาลกลับเลือกวิธีการเยียวยาเป็นกลุ่มๆไป โดยการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ที่มียอดผู้ลงทะเบียนมากถึง28ล้านคน จากเริ่มต้นประเมินว่าจะมีผู้ลงทะเบียน3ล้านคน ขยายปรับเป็น 9 ล้านคน 14 ล้านคน ในที่สุดหยุดที่16ล้านคน และกำหนดให้มีการเยียวยาเกษตรกร10ล้านราย

นอกจากนี้รัฐบาลยังกำหนดการเยียวยาเพิ่มเติมในกลุ่มเปราะบาง 13ล้านคน กลุ่มผู้มีรายได้น้อย 2.4ล้านคน กลุ่มผู้ลงทะเบียนไม่สำเร็จ 1.7ล้านคน กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบฉุกเฉิน 1ล้านคน รวมยอดทั้งหมด 44.1ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก มากกว่าจำนวนครัวเรือนทั้งประเทศที่มี21ล้านครัวเรือน เกือบเท่าประชากรของประเทศ ที่มีอายุ18ปีขึ้นไป จำนวน51ล้านคน

อย่างไรก็ตามถ้าจะตัดครัวเรือนของข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และคนฐานะทางเศรษฐกิจดีออกไป จะเหลือเพียง 15ล้านครัวเรือน สำหรับคนที่มีอายุตั้งแต่18ปีขึ้นไป ที่มีเงินฝากในธนาคารไม่เกิน1แสนบาท จะมีประมาณ25ล้านคน น้อยกว่าจำนวนที่รัฐบาลเยียวยาทั้งหมดอีก แต่รัฐบาลชี้แจงว่า เพราะแก้ปัญหาคนแออัด จำเป็นต้องลงทะเบียนผ่านออนไลน์ งบประมาณมีน้อยจึงต้องเลือกเยียวยาผู้เดือดร้อนจริงๆ และคนรวยจะได้รับเยียวยาเหมือนคนจน ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด กลับมีปัญหา และสิ้นเปลืองกว่าการเยียวยาแบบทุกครัวเรือนเสียอีก ไม่ตอบโจทย์ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเพราะ

1.เป็นการเยียวยาไม่ทั่วถึง ไม่ครอบคลุม ไม่เป็นธรรม เหลี่ยมล้ำ ลักลั่น

2.ล้าช้าไม่ทันสถานการณ์ความเดือดร้อน ใช้เวลานานกว่า2เดือนแล้ว ถ้าใช้เยียวยาแบบครัวเรือนจะแล้วภายใน7วัน ทำให้คนหาเช้ากินค่ำเดือดร้อน ถึงขั้นฆ่าตัวตายหลายราย

3.ประเมินการเยียวยาผิดพลาด ไม่คาดคิดว่าจะต้องเยียวยาเป็นจำนวนมากขนาดนี้ คิดเบื้องต้นแค่3ล้านคน จากคำชี้แจงของ ผ.อ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ยอมรับว่ามีคนเข้าไม่ถึงระบบออนไลน์จำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป แสดงว่า รัฐบาลต้องเยียวยาให้ครบทุกคน ถ้าเป็นอย่างนี้จะกำหนดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านออนไลน์ให้เสียเวลาทำไม หรือเพราะกลยุทธทางการตลาด อะไรก็ตามที่ได้มาง่ายๆจะไม่มีคุณค่า ถ้าทำให้เป็นเรื่องยาก คนจะได้จดจำ จะได้เป็นบุญคุณต่อกัน

"ขอพูดเรื่องนี้แทนพี่น้องประชาชน แม้ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะโครงการเดินมาไกลแล้ว สุภาษิตโบราณว่า ผีถึงป่าช้าแล้ว ไม่ฝังก็เผาเท่านั้น จึงขอพูดไว้เป็นข้อมูลให้รัฐบาลในการทำงานครั้งต่อไป และบันทึกไว้ในรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร"นายเทพไท กล่าว

สำหรับในส่วนแผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข วงเงิน45,000ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ งานวิจัย ค่ารักษาพยาบาล เตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาล ไม่มีรายละเอียดที่จะช่วยเหลือ สนับสนุนกิจการ รพ.สต.และ อสม.ในพื้นที่ต่างจังหวัด ทั้งๆที่ทุกฝ่ายชมเชย ยกย่องการทำงานของ อสม.ในการต่อสู้กับเชื้อโควิด-19ในชนบท

จึงอยากให้รัฐบาลใช้เงินก้อนนี้ ยกระดับ รพ.สต.เป็นโรงพยาบาลปฐมภูมิ มีแพทย์วิชาชีพทำงานประจำ เพิ่มอุปกรณ์เตียงผู้ป่วย รถส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน ปรับ รพ.สต.ให้เป็น รพ.ประจำตำบลอย่างแท้จริง ในส่วน อสม.รัฐบาลต้องปรับค่าตอบแทน ไม่ใช่ค่าป่วยการ เสนอให้เพิ่มค่าตอบแทนเป็นเดือนละ1500บาท ซึ่งจะไม่เป็นภาระด้านงบประมาณของรัฐบาลมากนัก ขอให้รัฐบาลได้ช่วยเหลือ อสม.เพื่อขวัญกำลังใจในการทำหน้าที่ต่อไป ทหารชนะศึกสงครามมา ได้เหรียญตราและค่าตอบแทน ครั้งนี้ อสม.ชนะโควิด ขอให้รัฐบาลคิดปรับค่าตอบแทนด้วย

สำหรับเงินกู้ของรัฐบาลทั้ง3 ฉบับ วงเงินกู้1.9ล้านล้านบาท เป็นเงินกู้จำนวนสูงสุดในประวัติศาสตร์ จึงสนับสนุนแนวความคิดการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้เงินทุกโครงการ เพื่อป้องกันการรั่วไหล หาประโยชน์เงินกู้ครั้งนี้ เพราะมีฝูงเหลือบ ปลิง อีแร้ง คอยทึ้ง ลำพังนายกรัฐมนตรีคนเดียวดูแลไม่ทั้วถึง จึงต้องมีกรรมาธิการวิสามัญคอยเป็นหูเป็นตาให้ ถ้าไม่หาวิธีการป้องกัน เงินก้อนใหญ่แบบนี้ก็จะหวานคอแร้งจนแน่นอน