"เสรีพิศุทธ์"ชี้แก้ปัญหาคนเดือดร้อนจากโควิดเป็นโอกาสสุดท้ายพิสูจน์ฝีมือประยุทธ์

เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 63 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า หลังจากรับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากประชาชนที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาคนละ 5,000 บาท โดยระบุว่า เรื่องดังกล่าวเกิดจากการที่รัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนเป็นรายบุคคล แต่ใช้เกณฑ์เหมารวมเป็นสาขาอาชีพทำให้มีการตกหล่นเป็นจำนวนมาก เช่นถ้าบอกว่ามีอาชีพช่างรับเหมาก็จะไม่ได้รับเงิน ทั้งที่เป็นเพียงลูกจ้างรายวันและก็อยู่ในช่วงตกงาน ดังนั้นเกณฑ์การคัดกรองประชาชนที่เดือดร้อนจึงมีปัญหา ยังไม่นับรวมเรื่องความล่าช้า ที่จนถึงขณะนี้เพิ่งแจกเงินได้ล้านกว่าคน ทั้งที่มีคนลงทะเบียนไว้กว่า 20 ล้านคน

"จากมาตรการป้องกันไม่ให้คนติดเชื้อไวรัส ได้กลายเป็นการสร้างความอดอยากให้กับประชาชน เพราะมีการสั่งปิดกิจการห้างร้านต่าง ๆ รวมทั้งการประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งไม่รู้จะจบสิ้นวันไหน ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องรีบทำคือควรทบทวนวิธีการเยียวยาให้ทั่วถึงและรวดเร็ว หากยังใช้วิธีการที่ไม่ชัดเจนและล่าช้าเช่นนี้ อีกหน่อยก็จะมีคนออกมาขับไล่นายกฯอีก เพราะท่านไม่ชอบฟังเสียงคนเดือดร้อน แต่น่าจะชอบฟังเจ้าสัวหรือคนใกล้ชิดที่ไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจมากกว่า" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังแสดงความเป็นห่วงถึงการใช้เงินกู้เป็นจำนวนมากในการช่วยเหลือประชาชนเพราะเงินทุกบาททุกสตางค์คือภาษีของประชาชน ดังนั้นจะต้องไม่มีการทุจริตและจะต้องเปิดกว้างให้มีการตรวจสอบมากกว่านี้ ไม่ใช่พอใครวิพากษ์วิจารณ์อะไร ก็ออกมาใช้กฎหมายปิดปากหรือกล่าวหาว่าขัดขวางการแก้ปัญหาไวรัส ทั้งที่หลายฝ่ายออกมาแนะนำในสิ่งที่ดี แต่รัฐบาลก็ไม่เคยฟัง ยังคงใช้แต่วิธีการเดิม ๆ ในการแก้ปัญหา

"เข้าใจว่านี่น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์แล้วในการพิสูจน์ฝีมือในฐานะผู้นำประเทศ เพราะหากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้มีนักศึกษาออกมาขับไล่กันทั้งประเทศแล้ว แต่ก็เหมือนยังโชคดี ที่มีเรื่องโควิดมาคั่นจังหวะเอาไว้ หากมีอำนาจล้นฟ้าตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินเช่นนี้ ท่านยังแก้โควิดกับเศรษฐกิจไม่ได้ ก็ไม่ควรจะอยู่ให้เขาออกมาขับไล่อีก แต่ควรจะพิจารณาตัวเองมากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องให้ท่านได้พิสูจน์ฝีมืออีกสักหน่อยนะ" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว