posttoday

"บิ๊กตู่"เผยอาจขยายเวลาสถานการณ์ฉุกเฉิน เพิ่มความเข้มข้นหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น

31 มีนาคม 2563

นายกฯเผยหากสถานการณ์ระบาดยังไม่ดีขึ้นอาจขยายเวลาประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน และเพิ่มความเข้มข้นขึ้น เล็งให้ขนส่งภาครัฐหยุดบริการ หากตัวเลขคนเดินทางยังสูง

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยยืนยันว่า ยังไม่มีแนวโน้มยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประกาศบังคับใช้ถึงสิ้นเดือน เม.ย.63

"ภายใต้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถบังคับใช้ได้ 3 เดือน และขยายเวลาได้ ซึ่งรัฐบาลจะประเมินผลการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ ใน 1 เดือนแรกก่อน หากส่วนใดดำเนินการแล้วสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจจะผ่อนผันได้ แต่ถ้ามาตรการใดยังมีความจำเป็นก็จะขยายเวลาการบังคับใช้และเพิ่มความเข้มข้นขึ้นตามลำดับ"นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการปรับมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการแพร่ระบาดนั้น กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบทางกฎหมายโดยตรง ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้อำนาจในการพิจารณามาตรการต่างๆ เช่น จังหวัดที่มีตัวเลขติดเชื้อมากขึ้น หรือ พื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมาแล้วก่อนหน้านี้ ก็ดำเนินมาตรการปิดร้านค้า ห้ามจำหน่ายสุรา ห้ามเล่นกีฬา

นอกจากนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ พลเรือน ตำรวจทหาร เข้มงวดการลักลอบเล่นการพนันทุกพื้นที่ รวมถึงเตือนร้านค้าอย่าจำหน่ายสินค้าเกินราคา ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัดต่างๆ ได้ เพราะมีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่จะเข้าจับกุม รวมถึงการปล่อยกู้นอกระบบในช่วงที่ประชาชนกำลังลำบาก จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการแก้ไข และป้องกันไม่ให้ทำผิดกฎหมาย โดยจะดำเนินการกับผู้ทำผิดอย่างไม่ละเว้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปประเมินการเดินทางของประชาชน ซึ่งยังพบว่ามีการเคลื่อนย้ายประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงให้ระบบการขนส่งภาครัฐพิจารณาความจำเป็นในการลดจำนวนเที่ยวบริการลง ซึ่งหากยังไม่สามารถควบคุมกันเองได้ และยังพบการเดินทางมีมากก็จะสั่งหยุดบริการทั้งหมดเพื่อลดการแพร่เชื้อ

ส่วนกรณีที่ประชาชนเดินทางออกจาก กทม. ไปยังภูมิลำเนาครบ 7 วันแล้ว จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น นายกรับมนตรี กล่าวว่า การที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าสามารถตรวจสอบคัดกรองผู้ติดเชื้อได้มากขึ้น ซึ่งประชาชนที่รู้ว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงมาพบแพทย์มากขึ้น ทำให้มีโอกาสพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

ขณะที่ประชาชนที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงและดูแลสุขภาพดีก็ไม่จำเป็นต้องไปตรวจคัดกรอง เพราะต้องเข้าใจว่ารัฐบาลต้องควบคุมงบประมาณค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ เพื่อดูแลกลุ่มผู้ติดเชื้อและกลุ่มที่มีความเสี่ยงอย่างแท้จริง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการทำบุญทางศาสนาพุทธ ได้เน้นย้ำให้มีการวางมาตรการที่เหมาะสม ทั้งการสวดมนต์ การทำบุญ ซึ่งตนเองไม่สามารถลงรายละเอียดได้ทั้งหมด จึงฝากทุกส่วนราชการ ภาคเอกชน ประชาสังคม มีการกำหนดมาตรการของตัวเองรองรับกับนโยบายหลักของรัฐบาลด้วย