posttoday

นักวิชาการชี้นศ.เคลื่อนไหวเป็นลักษณะแนวร่วมไม่มีผู้บงการอยู่ข้างหลัง

01 มีนาคม 2563

นักวิชาการมองการเคลื่อนไหวของนักศึกษาไม่มีใครบงการ คับข้องใจการตรวจสอบในสภาล้าหลัง ไม่เข้มข้นเหมือนพรรคอนาคตใหม่ถูกกระทำ

นายยุทธพร อิสรชัย นักรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช  เปิดเผยว่าความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองกับการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษานั้นเชื่อว่า เป็นลักษณะแนวร่วมไม่ได้เป็นผู้บงการอยู่ข้างหลัง เหตุผลเนื่องจากการ ดำเนินกลไกในสภาค่อนข้างล้าหลัง และไม่มีทางออกสำหรับเขา แต่การเมืองนอกสภาจะมีความก้าวหน้า เขาจึงออกไปเคลื่อนไหวในฐานะพลเมืองผู้มีสิทธิ์ทางการเมือง

นายยุทธพร กล่าวว่า ในส่วนของพรรคการเมืองที่ออกไปร่วมเวทีนักคิดว่า คงไม่ถึงขนาดทิ้งเวทีการเมืองในสภาแล้วออกไปสู่ท้องถนน คิดว่า เป็นแค่เวทีคู่ขนานกัน และที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยเราก็ได้มีความเชื่อมต่อระหว่างภาคการเมือง กับความเคลื่อนไหวทางสังคม

นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวนอกสภายังไม่มีข้อจำกัดในแง่ของการสื่อสารที่เอาไปผ่านโซเชียล ไม่ถูกจำกัดในเรื่องของข้อบังคับการประชุม จะมีแค่กฎหมายหมิ่นประมาทหรือพรบคอมพิวเตอร์ ทำให้ความเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกสภาจะคล่องกว่าในสภาด้วยซ้ำ

นายวันวิชิด บุญโปร่ง อาจารย์รัฐศาสตร์จาก ม.รังสิต กล่าวว่า การมีส่วนไปร่วมชุมนุมกับนักเรียนนักศึกษาเกิดจากการต่อยอดของการยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นการเปิดพื้นที่แสดงออกจากผลพวงของคับข้องใจ เนื่องจากการเมืองฝั่งตรงข้าม ไม่ได้ถูกตรวจสอบในความเข้มข้นเดียวกันกับที่พรรคอนาคตใหม่ถูกกระทำ กลุ่มการเมืองที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ จึงไปเติมเชื้อเพลิงในพลังของนักศึกษาว่า ถูกกระทำฝ่ายเดียว แม้ว่ามูลเหตุของการถูกยุบพรรคอาจจะเป็นอีกหนึ่งก็ตาม

นายวันวิชิต กล่าวว่า สำหรับพรรคการเมืองนั้น การที่ไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีครบทุกคน เท่ากับเป็นฉนวนทำให้คนอยากรู้อยากฟังการอภิปรายนอกสภามากขึ้น ว่าข้อมูลที่ยังอภิปรายไม่ครบถ้วนนั้นคืออะไร

อย่างไรก็ตาม พลังนักศึกษาของไทยที่หลายคนจะพยายามเชื่อมโยงไปที่ฮ่องกงโมเดลนั้น มันยังไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่ความเคลื่อนไหวของนักศึกษาที่ถูกมองว่าไม่มีพลังนั้นกำลังแสดงให้เห็นว่า ทุกสถาบันทั่วทั้งประเทศสามารถเคลื่อนไหวได้เองตามลำพัง โดยไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมือง และยังสะท้อนให้เห็นว่ายิ่งกล่าวหาว่าเขาเชื่อมโยงการเมืองเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแสดงการต่อต้านมากขึ้น

นายวันวิชิต ยังกล่าวถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองในเวทีชุมนุมเหล่านี้ว่ายังไม่ถึงกับบอกว่าจะทิ้งเวทีสภาไปลงถนน แต่จะทำเป็นความเชื่อมโยงในเวทีคู่ขนาน โดยใช้เวทีในสภาเป็นเครื่องมือความชอบธรรมในการเอามาขยายต่อข้างนอก เช่นกรณีปูดเรื่องไอ้โอของกองทัพเป็นต้น

"สิ่งที่น่ากังวลคือการสื่อสารนอกสภา จะมีการผิดเพี้ยนออกไปและมีการพูดเพียงฝ่ายเดียว ที่น่าเป็นห่วงคือการสร้างกระแสว่า ตัวเองถูกรังแกถูกกระทำฝ่ายเดียวโดยลืมไปว่า ตัวเองก็สามารถตรวจสอบได้เช่นเดียวกัน ก็จะทำให้พลังบริสุทธิ์ของเยาวชนกลายเป็นเครื่องมือของอนาคตใหม่อย่างไม่ตั้งใจ" นายวันวิชิดกล่าว