posttoday

"สุทิน" อัด นโยบายประชารัฐตัวสารตั้งต้นวิกฤต

25 กุมภาพันธ์ 2563

ประธานวิปฝ่ายค้าน อัด รัฐบาลประยุทธ์ ชี้ นโยบายประชารัฐตัวสารตั้งต้นวิกฤต แก้ปัญหาไม่ได้ เย้ย มีปมด้อยมาจากยึดอำนาจ หวังเลือกตั้งช่วยฟอกตัวแต่โลกยังไม่ยอมรับ

เมื่อวันที่ 25 กพ. นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรรมการพรรคการเมืองฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ตั้งแต่มีประเทศไทยมาประมาณ 700 ปีผ่านวิกฤตมาแล้ว 4 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเสียกรุงศรีอยุธยา การตกเป็นประเทศแพ้สงครามในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่2 มาจนถึงการเผชิญกับลัทธิคอมมิวนิสต์ และสงครามเศรษฐกิจปี 2540 และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5โดยครั้งนี้ยังเป็นวิกฤติเศรษฐกิจมีการต่อสู้ล้ำลึก วันนี้เป็นการตกต่ำที่สุดของเศรษฐกิจไทยและเกิดความเหลื่อมล้ำ มาวันนี้ถึงขั้นสุดแล้ว คนรวยไม่มีโอกาสจน คนจนไม่อาจมองหาโอกาสรวยได้ วิกฤตครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนทำโดยมีสารตั้งต้นมาจากนโยบายประชารัฐ

นายสุทิน กล่าวว่า รัฐบาลมีการอ้างว่าปัญหาเศรษฐกิจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ปัญหาสงครามการค้า ค่าเงินบาทแข็ง และไวรัสโคโรน่า รัฐบาลพูดจริงบางส่วนแต่ปกปิดบางประการ เนื่องจากสาเหตุที่วันนี้การแก้ไขเศรษฐกิจทำได้ยากเพราะนายกฯมีปมด้อย เนื่องจากมาด้วยการยึดอำนาจ ทั่วโลกบอยคอต ยุโรปมีมาตรการลงโทษ จีดีพีของไทยคิดเป็นสัดส่วน 70 : 30 โดย70%เป็นเม็ดเงินจากต่าประเทศ แต่เวลานี้เม็ดเงินส่วนนี้กำลังหายไปเพราะต่างประเทศชะลอการลงทุน อีกทั้งไม่เชื่อมั่นในตัวนายกฯ ส่วนอีก 30%นั้นส่วนหนึ่งมาจากงบประมาณของประเทศไทย แต่เวลานี้งบประมาณก็ยังไม่ประกาศออกมา

"มีการคิดว่าเลือกตั้งแล้วจะฟอกได้ แต่ปรากฎว่าโลกยังไม่ยอมรับ เพราะการที่นายกฯไปต่างประเทศมานั้นเราไม่เคยได้อะไรกลับมา อย่างสหรัฐอเมริกาจะให้พบผู้นำประเทศได้ก็จะต้องดูช็อบปิ้งลิสต์ก่อน แต่ต่อมาไทยถูกตัดจีเอสพี เศรษฐกิจตกต่ำทุกวันนี้ไม่ว่าจะอ้างอะไรก็ตามแต่กลับลืมตัวนายกฯเอง ยิ่งไปกว่านั้นในประเทศยังไม่เกิดนิติธรรม ทำให้ความเชื่อมั่นไม่ตามมา โดยเฉพาะการปิดเหมืองทองอัครา ปัญหาใหญ่วันนี้ คือ เศรษฐกิจตกต่ำและเกิดความประหลาด โดยชาวบ้านและประเทศจน แต่มีคนรวยที่รวยขึ้น ผมไม่ได้รังเกียจคนรวยแต่ต้องดูแลให้เขาสร้างเศรษฐกิจให้ประเทศและช่วยคนจนด้วยโครงสร้างภาษี แต่วันนี้เป็นการรวยที่รวยขึ้นสวนทางกลับประเทศ นี่เป็นความเหลื่อมล้ำชัดเจน" ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว

ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า บริษัทใหญ่เพียง 5% กลับครองรายได้ถึง 95% ต่างกับบริษัทเล็ก 95% ที่ครองรายได้เพียง 5% เป็นการแย่งเศษเนื้อข้างเขียง รัฐบาลที่ผ่านมาตัวเลขความเหลื่อมล้ำเป็นแบบนี้หรือไม่ มันผิดปกติที่รัฐบาลชุดนี้ครับ วันนี้อยากฟังคำตอบจากรัฐบาลว่าทำไมถึงรวยมากขึ้นใน 5 ปี ถ้าเขารวยมาโดยสุจริจก็ชื่นชมครับแต่ยังตอบไม่ได้ ก็ต้องตำหนิเพราะไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้เลยถ้ายังไม่รู้ต้นเหตุของปัญหา

"ประชารัฐเป็นแนวคิดที่ดีแต่พอทำจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเป็นการทำ "เอกรัฐ" คือ เอกชนและรัฐเท่านั้น ไม่มีประชาชนเลย เปิดประตูให้เอกชนเข้ามานั่งบริหารประเทศและกำหนดไปถึงรายละเอียดผ่านคณะทำงานขับเคลื่อนร่วมภาครัฐกับเอกชน เปิดให้เสือไปถึงห้องเนื้อสด ประชาชนไม่มีส่วนร่วมเลย เพราะติดขัดมาตรา 44 กลัวโดนปรับทัศนคติ บรรยากาศอย่างนั้นเหรอที่จะสามารถสร้างประชารัฐได้ จึงเหลือแต่เอกชนกับรัฐบาลจนกลายเป็นเอกรัฐ กลุ่มทุนประชารัฐ 24 ทุนได้งานและโครงการมากมายมหาศาล วันนี้ไม่มีทางกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการบริโภคได้เพราะประชาชนไม่มีเงิน โดยมาจากการที่เศรษฐกิจฐานรากถูกทำลายแล้วและทอดทิ้งเกษตรกร ถ้าทักษิณอยู่ก็จะไม่ทำแบบนี้" นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ความเหลื่อมล้ำจะอยู่อีกนานหรือไม่ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล คนมีเงินมากก็จะเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็ก ถ้าปล่อยอย่างนี้จะตายกันหมด ใน 5ปีของนายกฯมีข้อสรุปชัดเจน ร้านค้ารายใหญ่ขยายสาขาครอบคลุมทุกชุมชน ใครมีอำนาจก็มีเงินและยึดตลาด วันนี้เศรษฐกิจชุมชนพังพินาศ ทางแก้ไขยังพอมีอยู่โดยรัฐบาลต้องถามใจตัวเองว่ายังมีชาวบ้านอยู่หรือไม่หรือมีแต่กลุ่มทุน ถ้าหัวใจท่านแกร่งพอก็แก้ไขปัญหาได้ โดยใช้ระบบภาษีอัตราก้าวหน้าเพื่อเอามาเจือจุนคนจน

"ความเหลื่อมล้ำที่ผมว่ามาทั้งหมดบางคนอาจมองวิตกเกินไปนั้นแต่ผมมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกำลังเป็นการไล่ล่าอาณานิคมกันในประเทศด้วยคนไทยด้วยกัน โดยมีกรรมการที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คอยส่งเสริม ถ้าปล่อยให้ความเหลื่อมล้ำเดินหน้าต่อคนจนจะไม่มีกิน อาชีพถูกยึดหมด เรียนจบมาตกงานกันหมด ไปทำงานโรงงานก็เจอกับสภาพที่โรงงานปิดทุกวัน อีกทั้งหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนแรงงาน พอจะกลับไปค้าขายที่บ้านก็เจอกับทุนใหญ่ร้านสะดวกซื้ออีก เมื่อคนไม่มีทางไปย่อมจะเกิดความขัดแย้ง ซึ่งเป็นภูเขาเกลือที่เมื่อถึงจุดหนึ่งคนในสังคมจะอยู่กนไม่ได้ ท่านรักความมั่นคงขนาดไหนก็ตามแต่มิติใหม่ในเรื่องความมั่นคงไม่ใช่เรื่องดินแดนอีกแล้ว แต่เป็นการแย่งชิงทรัพยากรเพื่อปากท้อง" นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า ชาวบ้านถามว่าจะปลดนายกฯได้หรือไม่ ตนบอกว่าอย่าตั้งความหวังขนาดนั้น แต่สำหรับตนเองมองข้ามไปแล้ว เพราะสนใจว่าประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไรมากกว่าภายใต้ความเหลื่อมล้ำ ดังนั้น ขอไม่ไว้วางใจให้นายกฯอยู่ในตำแหน่งต่อไป เพราะเห็นแล้วว่าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ เอื้อประโยชน์คนรวยไม่ช่วยคนจน ยิ่งให้อยู่ต่อไปอ้อยจะดึงจากปากช้างไม่ได้และเกิดวิกฤติสังคมทั้งประเทศไทย การยุบสภาไม่ใช่ทางออก เพราะไม่ใช่ความผิดของสภา จึงต้องลาออกเท่านั้น