posttoday

'ปิยบุตร'ลั่นไม่คิดล้มล้างสถาบันปลุกค้านยุบอนาคตใหม่

18 มกราคม 2563

"ปิยบุตร"ร่ายยาวขบวนการตั้งธงยุบ"อนาคตใหม่"พวก"เกสตาโป"ปลุกสมาชิกเป็นหนึ่งเดียวพากันต่อแถวให้ยาวทุกจังหวัดหากต้องหาพรรคใหม่

"ปิยบุตร"ร่ายยาวขบวนการตั้งธงยุบ"อนาคตใหม่"พวก"เกสตาโป"ปลุกสมาชิกเป็นหนึ่งเดียวพากันต่อแถวให้ยาวทุกจังหวัดหากต้องหาพรรคใหม่

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคาร SC3 ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอภิปรายปิดคดียุบพรรคอนาคตใหม่ สำนวนข้อหาล้มล้างการปกครองในงาน “Future is Now อย่ากลัวอนาคต” ซึ่งจัดขึ้นโดยพรรคอนาคตใหม่ ว่าแรกเริ่มของการจดตั้งพรรคอนาคตใหม่ก็ถูก นายสนธิญา สวัสดี ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปร้องเรียนไม่ให้จดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ โดยอ้างกรณีตนเองร่วมกับคณะนิติราษฎร์รณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ในที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับให้จดทะเบียนพรรค

ทั้งนี้หลังการเลือกตั้งพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนทั่วประเทศกว่า 6.3 ล้าน ไม่กี่วัน นายณฐพร โตประยูร ไปร้องกล่าวหา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กับตนเองและพรรคว่ามีพฤติกรรมล้มล้างปกครอง ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 49 ที่ระบุบุคคลใดจะใช้เสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ เช่นถ้ามีคนใช้เสรีภาพเรียกร้องให้ทหารมายึดอำนาจ นี่คือการใช้เสรีภาพล้มล้างการปกครอง แล้วถ้าศาลเห็นว่าเป็นการล้มล้างก็สั่งให้เลิก มาตรา 49 ไม่ใช่เรื่องยุบพรรค

นายปิยบุตร อธิบายข้อกล่าวหาของ นายณฐพร ที่ยกเรื่องต่างๆ มากมาย มาจินตนาการสรุปเองว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง ประกอบด้วยกรณีสมัยตนเองเป็นอาจารย์ ถูกนำบทความและงานวิชาการมาตัดต่อโยงร้อยรัด บทบาทรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 บทสัมภาษณ์นายธนาธร ก่อนเป็นนักการเมือง นโยบายพรรคที่ให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญมากล่าวหาล้มล้าง ทั้งที่รัฐธรรมนูญ 2540 ทำมาแล้ว และคนฉีกรัฐธรรมนูญกลับไม่กล่าวหา นโยบายลงนามสัตยาบันธรรมนูญกรุงโรม ทั้งที่เราเสนอเพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนโดนสังหารตายหมู่กลางกรุงเทพฯ อย่างที่ผ่านมา ทั้งหมดไม่มีตรงไหนที่นายธนาธร กับตนบอกต้องเปลี่ยนจากประชาธิปไตยเป็นเผด็จการ ไม่มีตรงไหนบอกเปลี่ยนพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเป็นประธานาธิบดี หลายประเด็นเกิดขึ้นก่อนตั้งพรรค ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค เมื่อ กกต. รับรองแล้ว ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้ว เราก็ลงเลือกตั้งแล้ว ได้ ส.ส. จะล้มล้างได้อย่างไร

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาทั้งหลายทั้งปวง คำร้องของนายณัฐพร เป็นเรื่องไร้สาระที่สุด ไม่ต่างอะไรจากใบปลิว เขาร้องเมื่อพรรคประสบความสำเร็จ เขาหวาดกลัวกระแสพลังคนที่ฝันจะเห็นไทยมีอนาคตที่ดีกว่านี้ เขากลัว นายธนาธร กลัวตน กลัวพรรคอนาคตใหม่ ต้องการกำจัดพวกเราให้พ้นจากการเมืองไทยให้ได้ วิธีที่ใช้อยู่เสมอคือข้อหาล้มเจ้า ต้องการสื่อให้สังคมเข้าใจผิดว่านายธนาธรและตนคือพวกล้มเจ้า ต้องกำจัดออกไป เขากังวลใจกับความเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้พวกเขาสูญเสียอำนาจ ยืนยันว่า นายธนาธร ตนและพรรคไม่เคยคิด ไม่คิด และไม่กระทำการอันเป็นการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแน่นอน พวกเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายปิยบุตร กล่าวถึงการกล่าวหาคำใหม่ว่า “ปฏิกษัตริย์นิยม Anti Royalism” ว่า ขอยืนยัน นายธนาธร ตนและพรรคไม่ใช่ปฏิกษัตริย์นิยม แต่พวกเราต้องการประชาธิปไตยสมบูรณ์ โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ เราไม่ได้ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เราปฏิรูปให้ประชาธิปไตยก้าวหน้าดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ประชาธิปไตยปกปักรักษาสถาบันให้ยั่งยืนสมพระเกียรติ มั่นคงสถาพร ตลอดไป แต่ความคิดแบบเผด็จการจะบั่นทอนสถาบัน อุลตร้า-ไฮเปอร์รอยัลลิสต์ หรือกษัตริย์นิยมล้นเกิน เหนี่ยวรั้งการเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาอำนาจพวกเขา เป็นอันตรายต่อสถาบัน

ขณะเดียวกัน สื่อบางสำนัก นักการเมืองบางคนบางค่ายเดินหน้าปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง ใส่ร้ายป้ายสีเราเป็นวายร้ายตัวใหม่ วิธีการแบบนี้ใช้มายาวนาน โศกนาฏกรรม 6 ตุลาฯ มาจากข้อหาแบบนี้ คนเหล่านี้ไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ทบทวน ใช้ข้อหาแบบนี้แบ่งแยกประชาชน และยังกล่าวหาว่าเราเป็นพวกสุดโต่ง ไม่สอดคล้องกับสังคมไทย ซึ่ง พวกเราต้องการเปลี่ยนแปลงนำสังคมไทยออกจากความขัดแย้ง เราต้องการประชาธิปไตย เสรีภาพ เสมอภาค หยุดรัฐประหารแทรกแซงทางการเมือง ขจัดความเหลื่อมล้ำ ทลายรัฐราชการรวมศูนย์ ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือเรื่องปกติที่ทุกประเทศอยากจะมี ใฝ่ฝัน

"คนที่ป้ายสีเขาใส่แว่นของขวาตกขอบ อุลตร้า-ไฮเปอร์รอยัลลิสต์ เวลามองมาที่เราเลยกังวลว่าเป็นพวกหัวรุนแรง ความจริงพวกเขาต่างหากสุดโต่งที่สุด ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเมือง คนเหล่านี้ต้องการหยุดที่เดิม ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง เหนี่ยวรั้งพัฒนาการประเทศ ผลักเราให้เป็นศัตรู ยิ่งจะนำมาสู่อันตราย"นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร ได้ยกตัวอย่างว่า หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ มีรัฐประหาร นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกฯ แช่แข็งประเทศไม่มีเลือกตั้งเพื่อปฏิรูป ชนชั้นนำที่มีเหตุผลมองว่าขวาตกขอบจะพาไทยไปลงเหว จึงรัฐประหารอีกครั้งให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกฯ เมื่อใดที่มีการกดขี่ก็จะมีการต่อสู้ ถ้าคนมีอำนาจมองการณ์ไกลจะไม่ปราบปรามคนลุกขึ้นต่อสู้ จะยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น จะเดินหน้าปฏิรูป ในหลวงรัชกาลที่ 5 ก็ปฏิรูปประเทศไทยสำเร็จ รัชกาลที่ 7 ทรงประนีประนอมกับคณะราษฎร ก่อเกิดรัฐธรรมนูญ รัชกาลที่ 9 ทรงนำไทยผ่านการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ รักษาประชาธิปไตยได้ นายกฯ เกรียงศักดิ์ จนถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เช่นเดียวกัน นำคนที่มีความคิดก้าวหน้าเชิญออกมาจากป่า เพื่อให้มาต่อสู้ทางการเมืองในระบบรัฐสภา

การตกลงเพื่อปฏิรูปไปด้วยกันอย่างมีวิสัยทัศน์ ไทยทำสำเร็จแล้ว เชื่อว่าไทยยังสามารถปฏิรูปร่วมกันได้ วันที่ 21 ม.ค. ที่จะถึงนี้ ศาลจะออกนั่งบัลลังก์วินิจฉัย จะตัดสิทธิตน นายธนาธร และยุบพรรคหรือไม่ ตนยืนยันเสมอพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้วไม่มีทางยุบและตัดสิทธิได้ แต่ปากกาไม่ได้อยู่ที่ตน อยู่ที่ศาล ตนเดินทางไปไหนมาไหนมีแต่คนบอกยุบแน่ ไม่คดีนี้ก็คดีหน้า

"เราไปไหนก็มีแต่ยุบแน่ตลอด ยิ่งคนพูดเท่าไหร่ แสดงให้เห็นว่าคนมองการยุบพรรคไม่ใช่เรื่องกฎหมายล้วนๆ แต่เป็นเรื่องการเมือง ไม่สนใจข้อหาข้อเท็จจริง ยุบแน่เพราะผมและนายธนาธรเป็นอันตรายต่อผู้ครองอำนาจปัจจุบัน คนครองอำนาจหวังว่า ส.ส. พรรคที่ถูกยุบจะย้ายค่าย จะเอาให้ได้เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพอยู่ยาวครบ 4 ปี หวังแกนนำพรรคหายไปจากการเมืองกลับไปพักผ่อน หวังว่าความคิดของพรรคจะสูญสลาย"นายปิยบุตร กล่าว

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือทำให้อาวุธยุบพรรคกลายเป็นกระสุนด้านให้ได้ จึงขอเรียกร้องให้เพื่อน ส.ส. ของพรรคทั้งหมด เมื่อใดที่ศาลให้ยุบพรรค เรียกร้องให้ทุกคนย้ายไปอยู่พรรคที่มีแนวทางแบบอนาคตใหม่โดยพร้อมเพรียงกัน

"ถ้าศาลวินิจฉัยยุบพรรค ขอเรียกร้องให้สมาชิก 6 หมื่นกว่าคนไปสมัครพรรคใหม่ พร้อมกันต่อแถวให้ยาวทุกจังหวัด 6 หมื่นคนของพรรคจะอยู่ที่ใหม่เป็นแสนเป็นล้าน ผมคุยกับนายธนาธรเรียบร้อยแล้ว งานนี้เอาจริงไม่มีถอย วันนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องมาถึง เมื่อมาถึง นายธนาธรจะรณรงค์การเมืองต่อเนื่อง ไม่กลับไปทำธุรกิจ ผมไม่สามารถอภิปรายในสภาได้ ก็จะเดินทางไปทั่วประเทศอภิปรายต่อหน้าพวกมัน แล้วบ้านใหม่ก็จะดำเนินการตามแนวทางอนาคตใหม่ทั้งหมด อาวุธยุบพรรคจะกลายเป็นกระสุนด้านทันที ต่อไปนี้จะไม่กล้ายุบ ยุบไปเป็นกระสุนด้านไม่เกิดประโยชน์ ไม่อันตรายต่อผม นายธนาธร หรือชาวพรรคอนาคตใหม่"นายปิยบุตร กล่าว

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอีกว่า หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินตามคำร้องของ นายณฐพรโดยใช้คำร้องแบบนี้ จะเกิดกลุ่มเกสตาโป โดยไปดูการแสดงความคิดเห็นของคนไทยเก็บเอาไว้ ตัดแปะท่อนต่างๆ มาผสมแล้วเอาไปร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ตัดสิทธิการเมือง นี่คือเกสตาโปแบบใหม่ ก่อนหน้านี้คนจำนวนมากเกิดความสิ้นหวังกับสังคมไทย

"ผมก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เมื่อเราเห็นหนทาง จึงกลับมาฉุดสังคมไทยให้มีความหวังต่อ รัฐประหารกี่ครั้งก็อ้างนักการเมืองไม่ดี เราก็ทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ให้สภาอย่างต่อเนื่อง เรากระตุ้นให้คนหนุ่มสาวหันมาสนใจการเมืองมากกว่าเรื่องส่วนตัว ที่ผู้มีอำนาจก็ต้องการ แล้วจะยุบจะฆ่าตัดตอนพรรคอนาคตใหม่ไปทำไม คุณกำลังผลักให้คนหนุ่มสาวเห็นถึงความอยุติธรรม ผลักออกไปมากขึ้นเป็นรอยแตกแยกระหว่างรุ่นผมไม่พึงประสงค์ให้เกิดแบบนี้"นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวช่วงท้ายว่า ผู้ครองอำนาจต้องศึกษาอดีต แก้ไขปัจจุบัน ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ต้องยอมรับความจริงว่าอนาคตใหม่เป็นปรากฏการณ์จริงของสังคมไทย ถ้าคิดว่าเกิดจากการปลุกปั่นล้างสมอง คือตีโจทย์ผิด ไม่สามารถแสวงหาคำตอบที่ถูกต้องได้ สังคมไทยต้องการเปลี่ยนแปลง คนครองอำนาจมาเรื่อย คนไม่มีอำนาจลุกขึ้นมาต่อสู้ แทนที่จะกำราบให้หมด ต้องแบ่งสันปันส่วนอำนาจทรัพยากรให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ ไทยผ่านสถานการณ์แบบนี้มาหลายหน อย่ากลัวอนาคตเพียงเพราะมองไม่เห็นมัน ไม่รู้จักมัน วันนี้อนาคตปรากฏเบื้องหน้าแล้ว ทำความรู้จักออกแบบอนาคตร่วมกัน อยู่กับอนาคตใหม่ประเทศไทยร่วมกัน