posttoday

"บิ๊กตู่" แนะเด็ก รู้จักหน้าที่ อย่าใช้สิทธิเสรีภาพมากเกินไป

08 มกราคม 2563

นายกรัฐมนตรี ให้โอวาทเด็กและเยาวชน ในวันเด็ก รู้จักหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดี รักแผ่นดิน ใช้สิทธิเสรีภาพอย่างเดียวไม่ได้

นายกรัฐมนตรี ให้โอวาทเด็กและเยาวชน ในวันเด็ก รู้จักหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดี รักแผ่นดิน ใช้สิทธิเสรีภาพอย่างเดียวไม่ได้

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนดีเด่น ที่ผ่านการคัดเลือกจากส่วนราชการ 16 หน่วยงาน จำนวน 946 คน เป็นเด็กที่มีความประพฤติดี เรียนดี มีจริยธรรม ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด และอดทน  จำนวน 545 คน เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศใน 5 ด้านได้แก่ วิชาการศิลปะวัฒนธรรม อาชีพ กีฬา ศีลธรรม และจริยธรรม จำนวน 227 คน และเด็กที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศประเภททีม  174 คน เข้าเยี่ยมคารวะเนื่องในโอกาสวันเด็กเเห่งชาติ ประจำปี 2563 สำหรับคำขวัญวันเด็กปีนี้ "เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย"

นายกรัฐมนตรี ให้โอวาทกับเด็กและเยาวชนว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชนทุกคนในฐานะที่เป็นกำลังสำคัญของชาติ ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอไม่เพียงด้านวิชาการ แต่รวมถึงด้านคุณธรรมจริยธรรม เพราะทุกคนต้องรู้อะไรดีไม่ดี อะไรควร ไม่ควรทำ  จึงขอให้รู้จักหน้าที่ความเป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพด้วย เนื่องจากทุกคนมีหน้าที่ต่อชาติบ้านเมือง แม้จะมีสิทธิเสรีภาพ แต่จะใช้สิทธิเสรีภาพอย่างเดียวไปข้างใดข้างหนึ่งมากไม่ได้ ประเทศชาติเสียหาย หวังว่าเด็กและเยาวชนจะเป็นคนดีมีคุณภาพในอนาคต เป็นพลเมืองที่ดีของชาติเป็นคนที่มีคุณภาพ   ต้องใฝ่รู้ต่อเนื่อง รู้เวลา จัดเวลาให้เหมาะสมในเเต่ละวัน เรียน พักผ่อนและทำกิจกรรมออกกำลังกาย ตั้งมั่นในความดี  รู้รักษาอัตลักษณ์ของชาติ สิ่งที่ผมพูดสอดคล้องกับคำขวัญวันเด็ก จึงขอให้เด็ก ๆ นำไปสู่การปฎิบัติให้ได้ เราต้องคำนึงถึงบุญคุณผืนแผ่นดินที่อยู่อาศัย ที่ผ่านมามีแต่เราเรียกร้องจากแผ่นดินนี้ แต่แผ่นดินนี้ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเรา เราจึงควรทำให้แผ่นดินที่มีความสุข ขออย่าทำให้ไม่มีความสุข อย่าให้ใครมาทำลายหรือสร้างความขัดแย้งเลย ถ้าทุกฝ่ายปฎิบัติตัวอยู่ในกรอบกฎหมาย ประเทศก็ไม่เกิดปัญหา เพราะทุกคนอยู่ในกรอบเดียวกัน หากเราไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ประเทศจะเกิดความขัดแย้ง จึงต้องมีระเบียบปฎิบัติ ทุกคนต้องช่วยกัน รู้รักสามัคคี มีความสงบ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาทางเทคโนโลยีทำให้เกิดนวัตกรรม เด็กต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง พัฒนานำไปสู่วิทยาศาสตร์ประยุกต์ให้ได้  ขณะเดียวกันด้วยข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนจึงต้องมีภูมิคุ้มกันในการรับข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ นำไปสู่การสร้างความสับสนขัดแย้ง เหมือนที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ นอกจากนี้เด็กและเยาวชนจะต้องมีทักษะในการดำรงชีวิต รู้จักการอยู่ร่วมกันในสังคม เพื่อเป็นพลเมืองที่ดี ด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์และชีวิตจริง ควบคู่กับการเรียนในห้องเรียน

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ถ่ายรูปทักทายกับรับมอบสิ่งของที่ระลึกจากเด็กและเยาวชนอย่างเป็นกันเอง

ต่อมา เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า คงได้ยินตามที่ตนได้กล่าวไปแล้ว วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับเด็กและเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการคัดเลือกมาทุกจังหวัด ตนก็ขอแสดงความยินดีกับปกครองทุกคนด้วย นั้นคือสังคมไทยของเรา มีพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ โรงเรียนและประเทศชาติ เราต้องเร่งรัดแก้ปัญหา ส่งเสริมการศึกษาให้เป็นการศึกษาในรูปแบบการเรียนรู้ที่สามารถคิดวิเคราะห์เป็น และมีภูมิต้านทานในสังคมปัจจุบัน ซึ่งมีปัญหามากพอสมควรในโลกแห่งเทคโนโลยี เพราะฉะนั้น มันมีทั้งวิกฤตและโอกาส สิ่งไม่ดี ก็มีโอกาสที่จะเข้ามา หรือจะมีการส่งต่อกันไปกันมาก็แล้วแต่ ขณะเดียวกัน สิ่งดีๆ ก็มีโอกาสที่จะเข้ามา ทำให้เกิดโอกาสในการพัฒนาตนเอง และประเทศชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ปกครองส่งเสริมการศึกษาของลูกให้มากที่สุด เราอาจให้ความอบอุ่นกับเขาไม่เพียงพอ เพราะต้องทำงานบางอย่าง แต่เราก็ต้องอดทนเพื่อลูก ตนก็ได้เตือนไปแล้วว่าลูกจะต้องให้ความสำคัญกับพ่อแม่ ส่วนครูจะต้องนำพาเด็กและเยาวชนที่เปรียบเสมือนผ้าสะอาดสีขาวของเรา อย่าให้เปรอะเปื้อนสีที่ไม่ควรจะเปรอะ เพื่อเราจะได้ใส่สีสันในเรื่องของทักษะต่างๆ เข้าไป จะได้เป็นผ้าที่มูลค่า สามารถนำไปตัดเย็บ ทำเสื้อผ้าได้สวยงาม หรือมีอาชีพการงานเท่านั้นเอง ถ้าเราไปใส่สีดำ หรือสีโคลนลงไป ก็จะทำให้ผืนผ้าผืนนี้ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป และไม่สามารถนำไปใช้ทำอะไรได้ในอนาคต บ้านเมืองก็เสียหาย พลเมืองไทยก็ไม่มีคุณภาพ

“วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมีความสุข ถึงแม้ว่าผมจะมีความโศกเศร้าส่วนตัวอยู่ก็ตาม แต่ทุกอย่างที่ทำงานทุกวันนี้ คือความสุขของผม โดยความสุขของผมคือการทำงาน ไม่ใช่การดำรงชีวิตของผม ตรงนั้นไม่ต้องถามหรอก เพราะความสุขของผมคือการทำงานเพื่อคนอื่น และนั้นคือเป้าหมายในชีวิตของผม ก็มีเท่านี้ตลอดชีวิตของผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว