posttoday

"ช่อ-พรรณิการ์"ร่วมงานปีใหม่ม้งประกาศกร้าวจะสังคยานาปัญหาที่ดินทำกินชาวบ้าน

28 ธันวาคม 2562

เพชรบูรณ์-"ช่อ-พรรณิภาร์"ร่วมเทศกาลปีใหม่ม้งที่เข็กน้อย พร้อมลุยเก็บข้อมูลปัญหาที่ดินกรมธนารักษ์ทับที่ดินชาวบ้าน ลั่นประชาชนต้องได้รับความเป็นธรรม

เพชรบูรณ์"ช่อ-พรรณิภาร์"ร่วมเทศกาลปีใหม่ม้งที่เข็กน้อย พร้อมลุยเก็บข้อมูลปัญหาที่ดินกรมธนารักษ์ทับที่ดินชาวบ้าน ลั่นประชาชนต้องได้รับความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม น.ส.พรรณิภาร์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ร่วมเทศกาลปีใหม่ม้งที่ ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมเปิดเวทีรับฟังปัญหากรมธนารักษ์ประกาศที่ดินทับที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยทับที่ดินชาวบ้านว่า ปีที่แล้วได้มาหาเสียงที่นี่และได้รับการตอบรับที่ดีมาก จึงต้องมาที่นี่อีกครั้งแต่สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือ เข็กน้อยมีปัญหาเรื่องที่ดินเยอะมาก โดยที่บริเวณนี้ซึ่งเป็นชุมชนตามกฎหมายแล้วเป็นที่ดินของกรมธนารักษ์ แต่ประชาชนที่นี่ตั้งชุมชนและอยู่อาศัยมาตั้งแต่พ.ศ.2465 หรือราว 98 ปี หมายความว่าคนที่นี่อยู่บนที่ดินของตนเองมาตั้งแต่บรรพบุรุษแต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และเรื่องนี้มีการนำเรื่องเข้าสู่สภาแล้ว โดยชาวเข็กน้อยไปยื่นเรื่องต่อสภาโดยส.ส.พรรคอนาคตใหม่ กระทั่งมีการตั้งกระทู้ถาม รมช.คลัง ก็ได้รับคำตอบว่าในทางกฎหมายเป็นที่ดินของกรมธนารักษ์ เพราะฉะนั้นเรื่องที่ดินเข็กน้อยก็ยังเป็นปัญหาเรื้อรังอยู่ โดยทางพรรคพยายามช่วยดูแลแก้ไขอยู่

"ช่อ-พรรณิการ์"ร่วมงานปีใหม่ม้งประกาศกร้าวจะสังคยานาปัญหาที่ดินทำกินชาวบ้าน

"ที่ดินเป็นทรัพยากรที่สำคัญมากจริงๆ สำหรับประชาชนรากหญ้า และอย่างแรกที่เราช่วยได้ก็คือก่อนหน้านี้คณะกรรมการที่ดินของจังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่มีตัวแทนของประชาชน จึงได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เอาตัวแทนประชาชนเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการที่ดิน ตอนนี้ได้สอบถามไปยังนายก อบต.เข็กน้อย และได้ทราบว่า มีการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว มีตัวแทนของประชาชน มีตัวแทนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปนั่งในคณะกรรมการที่ดิน เป็นก้าวเล็กๆ ที่เราหวังว่า จะนำไปสู่ความสำเร็จในการสร้างความเสมอภาคทางทรัพยากร เรื่องของที่ดินทำกินให้กับที่เข็กน้อย"น.ส.พรรณิการ์กล่าว

น.ส.พรรณิภาร์ กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่จะยกเรื่องที่ดินเป็นวาระแห่งชาติ เราดีใจที่ได้คุยกับหลายๆพรรคและเห็นตรงกันว่าเรื่องของที่ดินควรเป็นวาระแห่งชาติ คนชั้นกลางในเมือง คนกรุงเทพฯ ไม่ค่อยเข้าใจว่าที่ดินสำคัญยังไง แต่คุณออกมาเจอกับคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่เขาอยู่ในชนบท ที่ดินคือทรัพยากรพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ถ้าเขาไม่มีที่ดินเขาไม่รู้จะต่อยอดชีวิตของเขาไปยังไง แต่เศร้าคือ ประเทศไทยที่ดินส่วนใหญ่เป็นของรัฐ เป็นของกรมธนารักษ์บ้าง ของหน่วยงานราชการอื่นๆบ้าง สุดท้ายแล้วประชาชนกลายเป็นคนที่ถูกบอกว่ารุกป่า ทั้งที่เขาอยู่มาก่อนที่ตรงนั้นจะถูกประกาศเป็นป่าสงวนบ้าง หรืออย่างที่นี่ก็คือเป็นที่ของกรมธนารักษ์ แต่ชาวบ้านอยู่มาก่อนที่จะกลายเป็นที่ของกรมธนารักษ์ กลายเป็นว่าชาวบ้านต้องไปเช่าที่ของตัวเองอยํ่ ถ้าไม่ปลดล็อคตรงนี้ การสร้างประเทศไทยที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมากกว่านี้เป็นไปไม่ได้ เพราะประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเข้าไม่ถึงแม้แต่ทรัพยากรพื้นฐานที่สุดอย่างที่ดิน

ทั้งนี้ หลังจากได้คุยกับตัวแทนของชุมชน ผู้หลักผู้ใหญ่ของชาวม้ง ตัวแทนองค์กรปกครองท้อนถิ่น ได้คุยถึงปัญหาเบื้องต้นว่า หลังจากที่ได้นำเรื่องเข้าสภาไป เรื่องไปถึงไหนแล้ว ก็ได้ยินประโยคหนึ่งที่เราดีใจและภูมิใจมากคือ ตัวแทนชุมชนของที่นี่บอกว่า ตั้งแต่มีชุมชนเข็กน้อยมา 98 ปี ชื่อของเข็กน้อยไม่เคยได้รับการเอ่ยถึงในสภาโดยพรรคการเมืองไหนเลย พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองแรก ที่นำชื่อเข็กน้อยและปัญหาไปถึงสภาได้ แม้ว่าตอนนี้การแก้ปัญหาจะยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่ แต่เขาก็มีความหวังว่า อย่างน้อยมีคนรับรู้แล้วว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้วที่นี่

"ช่อ-พรรณิการ์"ร่วมงานปีใหม่ม้งประกาศกร้าวจะสังคยานาปัญหาที่ดินทำกินชาวบ้าน

โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การแก้ปัญหาระยะยาวและเป็นการแก้อย่างยั่งยืน คือกฏหมายที่ดินที่ทับซ้อนกันอยู่เป็น 10 ฉบับ ต้องมีการโละใหม่ทั้งหมด แล้วจัดการที่ดินในประเทศไทยใหม่ทั้งหมดว่า ที่ดินของรัฐไม่ว่าจะเป็นทหาร ธนารักษ์กำอยู่ในมือ ต้องจัดสรรใหม่ ตรงไหนเป็นที่ดินที่ประชาชนครอบครองอยู่ก่อนแล้ว ควรจะเป็นเอกสารสิทธิ์ของประชาชน ตรงไหนก้ำกึ่งระหว่างเป็นป่ากับที่ชุมชน ทำเป็นพา.ร.บ.ป่าชุมชนได้หรือไม่ ตรงไหนเป็นป่าเสื่อมโทรมไปแล้ว คุณยกให้เป็นเอกสารสิทธิ์ของประชาชนเลยได้หรือไม่ ถ้าเขาอยู่ได้ อันนี้คือการแก้ปัญหาระยะยาว จัดสรรที่ดินในประเทศไทยใหม่ทั้งหมด หากยาวใช้เวลานานแต่เราเชื่อว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ถ้าจะปลดล็อคให้คนที่เป็นคนรากหญ้าลืมตาอ้าปากได้ ต้องมอบที่ดินทรัพยากรพื้นฐานให้เขา

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ปัจจุบันที่ดินส่วนใหญอยู่ในมือนายทุน พรรคได้หารือกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมามากว่าว่า มาไล่บี้กับประชาชนตาดำๆ คนรากหญ้า คนชาติพันธุ์ ที่เขาไม่มีปากเสียง แต่ที่บนเขาค้อเป็นรีสอร์ทหรูหราเยอะแยะมากมายทำไมสร้างได้ ทำไมไม่มีปัญหา ทั้งที่ที่ดูแล้วออกโฉนดไม่ได้แน่ๆ บนเขาเป็นที่ดินติดอุทยานหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่า บริเวณที่เป็นรีสอร์ททั้งหมดเป็นที่ของเอกชน ไม่ใช่ที่ของกรมธนารักษ์ ดังนั้นธนารักษ์ไม่ได้ทำผิดอะไร และที่เป็นรีสอร์ทที่รุกป่าเขาได้จัดการไปหมดเรียบร้อยแล้ว อันนี้เป็นคำตอบที่ได้รับมา

"ที่ดินบนไหล่เขา รวมถึงนักการเมืองที่ครอบครองพื้นที่ สปก.บ้าง ที่รุกป่าบ้าง แต่ไม่มีการลงโทษตามกฏหมาย เรื่องนี้ยอมรับว่า ประชาชนพูดถึงแล้วเขาเจ็บช้ำน้ำใจว่า ชาวบ้านตาดำๆ ติดคุกติดตารางกันไป 2 ปี 3 ปี 5 ปี ข้อหารุกป่า ไปเก็บของป่าซึ่งเป็นวิถีชีวิตเขาทำแบบนี้มาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด แต่นักการเมือง รุกป่าเป็น 100 เป็น 1,000 ไร่ ไม่มีความผิด สิ่งนี้เป็นความเจ็บช้ำของประชาชน"นส.พรรณิภาร์กล่าว