posttoday

"ตู่" ฟันธงรัฐบาลอยู่ไม่ถึงกลางปี63 ชี้สุดท้ายมีแค่ 3 ทางออก

15 ธันวาคม 2562

ตัดแปะฝาบ้านไว้! "จตุพร" วิเคราะห์การเมือง ฟันธงรัฐบาลอยู่ไม่ถึงกลางปี63 ชี้อนาคตมีแต่ทางตันไปต่อไม่ได้ มีแค่ 3 ทางออก "ยุบสภา-ยึดอำนาจ-โยกอำนาจ"

ตัดแปะฝาบ้านไว้! "จตุพร" วิเคราะห์การเมือง ฟันธงรัฐบาลอยู่ไม่ถึงกลางปี63 ชี้อนาคตมีแต่ทางตันไปต่อไม่ได้ มีแค่ 3 ทางออก "ยุบสภา-ยึดอำนาจ-โยกอำนาจ"

เมื่อ 15 ธ.ค. 62 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า สถานการณ์การเคลื่อนไหวเผชิญหน้ากันเช่นนี้ สะท้อนถึงบ้านเมืองไปไม่ได้ และรัฐบาลชุดนี้คงอยู่ได้ไม่นาน ไม่น่าถึงกลางปี 2563 แน่

นายจตุพร กล่าวอีกว่า สำหรับการชุมนุมของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.นั้น อยากแนะนำว่า การชุมนุมในครั้งต่อไป ต้องมีความระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะการชุมนุมแบบต่างคนต่างไปมีความสุ่มเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซงและทำให้เกิดการสร้างสถานการณ์ได้ง่ายดายมาก แล้วจากนั้นจะถูกลากให้สถานการณ์ไปสู่จุดอื่น หรือจะกลายเป็นเรื่องอื่นทันที

ประธานนปช.ยังยกการชุมนุมของ นปช.มาอธิบายการถูกแทรกแซงและสร้างสถานการณ์ว่า เมื่อ นปช.ชุมนุมนานเข้า ก็เกิดการแทรกแซง ถูกสร้างสถานการณ์ โดยแปลงจากชุมนุมด้วยสันติวิธี มาเป็นขบวนการก่อสถานการณ์รุนแรง จนนำไปสู่การสร้างความชอบธรรมให้ปราบปรามสังหารประชาชนจำนวนมาก

"การชุมนุมจากคนหลายแสนคน เมื่อถูกแทรกแซง จนสร้างสถานการณ์นั้น มันนำพาไปสู่เรื่องราวต่างๆมากมาย จึงขอให้ระวังจะถูกสร้างสถานการณ์ได้ และเตรียมรับมือไว้ เพราะเมื่อรุกฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่ลงมือ แล้วยังมีเวทีพวกชังชาติอีก มันสะท้อนว่ารัฐบาลไปไม่ได้ จึงต้องมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น"นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวอีกว่า เมื่อรัฐบาลไม่มีวี่แววฟื้นเศรษฐกิจได้ จึงต้องมีอันเป็นไป โดยมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ 2 ฝ่ายเป็นตัวเร่งให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งท่ามกลางบรรยากาศประชาชนเดือดร้อนทางเศรษฐกิจอย่างสาหัส ไม่มีที่ระบายออก จึงผลักดันให้มารวมตัวกับนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่

“การตั้งเวทีของนายธนาธร ประกอบกับพรรคฝ่ายรัฐบาลตั้งเวทีพวกชังชาติมาเผชิญหน้า และ พรรคอนาคตใหม่ ถูกกล่าวหาเป็นขบวนการชังชาติ ดังนั้น บรรยากาศการเผชิญหน้าแบบนี้บอกถึงสถานการณ์หนีกันไม่ออก อีกทั้งนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่นับต่อจากนี้ ต้องเจออีกหลายดาบทำลายจากอีกฝ่ายหนึ่ง”นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า นายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ มีอย่างน้อย 4 ดาบที่ต้องเจอ ดาบแรกคือ พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ซึ่งนายธนาธรเจอไปแล้ว ดาบที่สองเป็นผลต่อเนื่องคือ ถูกร้องคดีอาญาในศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง ที่ระวางโทษ 1-10 ปี ตัดสิทธิการเมืองถ้าเต็มที่ 20 ปี ดาบนี้คงรอดยาก ส่วนดาบที่สาม คือ ยุบพรรคกรณีเงินกู้

ดาบที่สี่พรรคอนาคตใหม่ ถูกร้องเรียนล้มล้างการปกครอง ที่นายณัฐพร โตประยูร ไปยื่นไว้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 รับเรื่องรับไว้พิจารณา ย่อมทำให้คิดได้ไม่ยากว่า ผลจะเป็นอย่างไร ตนเชื่อว่าไม่รอด ดังนั้น กรรมการบริหารพรรคและอนาคตใหม่ต้องเผชิญกับ 4 ดาบนี้ ส่วนตัวของนายธนาธร จะมากกว่าคนอื่น

ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงเป็นสถานการณ์ที่เดินทางไปเร็วอย่างมาก เมื่อผสมกับแก้รัฐธรรมนูญ ไม่มีทางแก้ได้สำเร็จ เพราะการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษานั้น อธิบายได้ว่า ผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้แก้ไข อีกทั้งการตัดอำนาจ ส.ว. จึงไม่มีทางให้กลุ่มคนเหล่านี้มาร่วมแก้รัฐธรรมนูญได้ ดังนั้นสถานการณ์แก้ รัฐธรรมนูญจึงเป็นเพียงการระบายอารมณ์เท่านั้น แต่ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น

"เมื่อแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ผสมกับเศรษฐกิจก็แก้ไม่ได้ คนมีความอึดอัดทั้งหมด ถ้าวิเคราะห์กับแบบกระดานขาดไปเลย จำปากผมไว้ อยู่ใน 3 ข้อคือ ไม่ยุบสภา ก็ยึดอำนาจ หรือก็โยกอำนาจ ส่วนการสลับตัวไม่ใช่หนทางแน่"

นายจตุพร กล่าวถึงความเชื่อมั่นในการวิเคราะห์ดังกล่าวว่า เพราะฝ่ายรัฐบาลมีปัญหาแตกแยกภายในกันอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน พรรครัฐบาลไปตั้งเวทีปลุกระดมคนต่อต้านพวกชังชาติ สถานการณ์แบบนี้บ้านเมืองไปไม่ได้

"สถานการณ์แบบนี้ ไม่ต้องอธิบายกันยาวนาน ผมบอกได้ว่า รัฐบาลชุดนี้อยู่ไม่ถึงกลางปี 2563แน่นอน เพียงแต่ว่า เขาต้องการจะเลือกเล่นเกมไหนกัน"นายจตุพรกล่าว