posttoday

พิชัยทวงสัญญารัฐบาล ห่วงบิ๊กตู่คิดย้อนยุค

13 ธันวาคม 2562

“พิชัย” ทวง สัญญารัฐบาล ไม่ทำแล้วหาเสียงทำไม ชี้ เคยค้านแล้วแต่ยืนยันทำได้ ห่วง “บิ๊กตู่” คิดย้อนยุค คนคิดตามต้องคิดถอยหลัง

“พิชัย” ทวง สัญญารัฐบาล ไม่ทำแล้วหาเสียงทำไม ชี้ เคยค้านแล้วแต่ยืนยันทำได้ ห่วง “บิ๊กตู่” คิดย้อนยุค คนคิดตามต้องคิดถอยหลัง

พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า อยากทวงถามสัญญาประชาคมที่รัฐบาลโดยพรรคพลังประชารัฐ ได้หาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ทำตามที่สัญญาไว้เลย ได้ล่าสุดรัฐบาลขี้นค่าแรงเพียง 5-6 บาท ทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้นอยู่ที่วันละ 313-336 บาท แทนที่จะเป็นวันละ 400-425 บาทตามที่ได้หาเสียงไว้ และ รัฐบาลโดย รมว. พัฒนาสังคมฯ ยังได้ปฏิเสธที่จะเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาท ตามที่เคยสัญญากับผู้สูงอายุ โดยอ้างว่ารัฐบาลไม่มีเงิน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายอุตตม สาวนายน รมว. คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังได้ปฏิเสธที่จะลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% ตามที่หาเสียงไว้ โดยอ้างว่าเป็นธรรมดาของการหาเสียงที่พูดกว้างๆไม่ได้ลงรายละเอียด นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ที่ออกมาช่วยเหลือเกษตรกร ก็ทำไม่ได้ตามที่เคยสัญญาไว้ดังนี้ ยางพารา 65 บาท /กก. ปาล์มน้ำมัน 5 บาท/กก. อ้อย 1,000 บาท/ตัน มันสำปะหลัง 3 บาท/ กก. ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาท/ตัน ข้าวเจ้า 12,000/ ตัน นอกจากนี้ยังมี จบอาชีวะ เงินเดือน 18,000 บาท จบปริญญาตรี เงินเดือน 20,000 บาท และ โครงการมารดาประชารัฐ กองทุนพลังประชารัฐหมู่บ้านละ 2 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้มีการดำเนินการเลย โดยหากจะไม่ตั้งใจที่จะดำเนินการ แล้วจะหาเสียงทำไม เท่ากับเป็นการหลอกลวงประชาชนใช่หรือไม่ อีกทั้งจะเป็นการผิดกฏหมายการเลือกตั้งหรือไม่ ที่ไม่ทำตามที่ได้สัญญาไว้ โดยอยากขอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เข้าตรวจสอบและดำเนินคดี

โดยในช่วงหาเสียง ตนได้เคยเตือนแล้วว่า นโยบายต่างๆที่พรรคพลังประชารัฐเสนอมาทั้งหมดพรรคพลังประชารัฐได้มีการคำนวณค่าใช้จ่ายหรือไม่ เพราะจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาลถึงหลายแสนล้านบาทถึงล้านล้านบาทได้ ถ้าจะทำหมดทุกนโยบาย ซึ่งไม่น่าจะทำได้ แต่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าสามารถทำได้จริง แต่พอได้เป็นรัฐบาลกลับไม่ทำเลย อีกทั้งพรรคพลังประชารัฐเองก็ยังไม่ได้ชี้แจงที่มาของรายได้ และ การคุ้มทุนของแต่ละโครงการตามที่รัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ ซึ่งจะเป็นการกระทำผิดหรือไม่

ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แม้จะอ้างว่าไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีสืบทอดต่อมาได้ก็เพราะเป็นผู้ที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อเป็นนายกฯ ได้รักษาคำมั่นสัญญาและเร่งปฏิบัติตามนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐได้สัญญาไว้ ที่พลเอกประยุทธ์อ้างว่าอ่านหนังสือมากก็อยากให้อ่านนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐเสนอไว้ให้ครบ และถ้าหากทำไม่ได้ก็ต้องออกมารับผิดและขอโทษประชาชน และก็อาจจะต้องยอมรับให้ กกต. ลงโทษตามกฏหมาย อย่าให้ประชาชนคิดว่าการที่ต้องคิดตามพลเอกประยุทธ์ให้ทันตามที่พลเอกประยุทธ์บอกหมายถึงต้องคิดแบบถอยหลังย้อนยุค เพราะการหาเสียงแล้วไม่ทำเป็นการเมืองน้ำเน่าในอดีตที่ประชาชนได้ก้าวข้ามมาไกลแล้ว ถ้านี่คือส่ิงที่พลเอกประยุทธ์บอกให้คนคิดให้ทันตัวเอง อาจจะต้องเป็นพลเอกประยุทธ์เองที่ต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ให้ทันโลก การที่อาจจะสำคัญตัวเองผิดจะยิ่งทำให้ประเทศถอยหลังมากขึ้น ประชาชนจะยิ่งลำบากกันมาก