posttoday

“สนธิรัตน์” รับ วิปรัฐบาลเหนื่อยคุมเสียงในสภาฯ ขออย่ามองสส.งูเห่าเชื่อทุกคนมีความคิด

05 ธันวาคม 2562

เลขาธิการพปชร. รับ วิปรัฐบาลเหนื่อยคุมเสียงในสภาฯ เชื่อทำเต็มที่แล้ว พร้อมระบุ ไม่อยากให้มองเรื่อง “งูเห่า” ชี้ ส.ส.ทุกคนมีความคิด เชื่อไม่มีใครอยากทำลายอนาคตตัวเอง

เลขาธิการพปชร. รับ วิปรัฐบาลเหนื่อยคุมเสียงในสภาฯ เชื่อทำเต็มที่แล้ว พร้อมระบุ ไม่อยากให้มองเรื่อง “งูเห่า” ชี้ ส.ส.ทุกคนมีความคิด เชื่อไม่มีใครอยากทำลายอนาคตตัวเอง

เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงภาพรวมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสภาไม่ล่มและรัฐบาลสามารถโหวตล้มญัตติ ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ว่า เป็นไปตามขั้นตอนของสภา ส่วนการปรับรูปแบบการทำงานของวิปรัฐบาลเพื่อไม่ให้เสียงแตกนั้น ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ส.ส.หลายคนของรัฐบาลติดภารกิจเช่นเดียวกับรัฐมนตรีหลายคน ขณะที่สภาอยู่ในภาวะเสียงไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้น วิปรัฐบาลต้องเหนื่อยในการควบคุมเสียง และที่ผ่านมา วิปรัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เสียงแตก ส่วนจะต้องเพิ่มความเข้มข้นหรือไม่นั้น ตนมองว่าวิปฯ ทำงานอยู่แล้ว เพียงแต่บางครั้งหลายคนติดภารกิจพร้อมกัน และคิดว่าจะทันเข้าประชุมแต่ก็ไม่ทัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องปรับโดยการประสานงานกันให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าคนเป็นประธานวิปรัฐบาล มีความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะต้องทำหลายอย่าง ส่วนจำเป็นที่แต่ละพรรคจะต้องมีมาตรการการคุมเสียงหรือไม่นั้น พรรคร่วมรัฐบาลทราบอยู่แล้วว่าจะต้องทำหน้าที่อย่างไร และทุกคนก็จะต้องมีหน้าที่ช่วยกันทำงาน

กรณีที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่า มีแกนนำรัฐบาลล็อบบี้เสียงส.ส.ฝ่ายค้าน ด้วยเงินจำนวน 8 หลักนั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่าตนไม่อยากให้มองถึงเรื่องงูเห่า เพราะส.ส.แต่ละคนมีความคิดเป็นของตัวเอง และได้คำนึงถึงสถานการณ์และทิศทางทางการเมือง คงไม่มีใครอยากทำลายอนาคตทางการเมืองของตนเอง เราต้องเคารพ ส.ส.แต่ละท่าน ที่มีวิธีคิดวิธีการทำงานในแบบของตัวเอง

เมื่อถามว่า จะมีการนัดพบปะพูดคุยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างส.ส.พรรคร่วม ทุกเดือนหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะได้พบปะพูดคุยในบรรยากาศที่เป็นกันเอง โดยนายกรัฐมนตรีก็จะไปร่วมงานด้วยทุกครั้งหากไม่ติดภารกิจ เนื่องจากต้องการเห็นความสามัคคีของพรรคร่วมอยู่แล้ว