posttoday

เป็นธรรมหรือไม่ให้ประชาชนตัดสิน! "ธนาธร"แย้ง4ประเด็นคำวินิจฉัย

20 พฤศจิกายน 2562

"ธนาธร" แย้ง 4 ประเด็นหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นส.ส. ชี้ศาลไม่ใช่นักธุรกิจไม่ควรตัดสินรสนิยมนักลงทุน โยนประชาชนตัดสินเป็นธรรมหรือไม่

"ธนาธร" แย้ง 4 ประเด็นหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นส.ส. ชี้ศาลไม่ใช่นักธุรกิจไม่ควรตัดสินรสนิยมนักลงทุน โยนประชาชนตัดสินเป็นธรรมหรือไม่

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 62 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงภายหลังฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ต่อไปหลังจากนี้จะเป็นความคิดเห็นของตนต่อคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างสุจริตใจ โดยเห็นว่า ศาลได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส.ของตน 3 ข้อ โดยตนมีความเห็นดังนี้

1.ประเด็นใบอนุญาตการพิมพ์ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้อ้างถึงพ.ร.บ.การพิมพ์ สื่อสิ่งพิมพ์ว่า บริษัทของตนยังไม่ได้แจ้งยกเลิก ดังนั้นบริษัทวี-ลัคจะทำสื่ออีกครั้งเมื่อไรก็ได้โดยศาลยอมรับไปแล้วว่า บริษัทวี-ลัคไม่มีรายได้แล้ว ในความเห็นของตน ถ้าบริษัทวี-ลึยังเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ก็ควรไปตัดสินตอนนั้น ทำไมมาตัดสินตอนนี้ทั้งที่ศาลยอมรับว่าบริษัทนี้ไม่มีรายได้ ไม่มีพนักงานและปิดตัวลงตั้งแต่ 26 พ.ย.61

2. ศาลพูดถึงเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 ว่าไม่ให้นักการเมืองให้คุณกับตัวเอง ให้โทษกับผู้อื่น แต่ศาลไม่ได้พูดเลยว่าตนหรือบริษัทวี-ลัค กระทำผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญอย่างไร ข้อ 3 เรื่องการจดแจ้ง บอจ.5 กับกระทรวงพาณิชย์ ตามกฎหมายจะแจ้งเมื่อไรก็ได้ภายใน 1 ปี การแจ้งช้าหรือเร็วไม่ใช่การกระทำผิด โดยบริษัทวี-ลัคในวันนี้ไม่มีพนักงานแล้ว เอางานไปฝากกับบริษัทอื่น การยื่นบอจ. 5 ช้า ไม่ได้มีครั้งนี้ครั้งเดียว แต่ที่ผ่านมาก็เคยมี ที่สำคัญคือหลังการประชุมผู้ถือหุ้นทุกครั้ง มักจะยื่นบอจ. 5 ในวันที่ 8 ม.ค. ซึ่งเป็นเรื่องปกติและเป็นหลักปฏิบัติในทุกครั้ง

3. กรณีการนำเช็คค่าหุ้นไปขึ้นเงินของนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งนางรวิพรรณชี้แจงชัดเจนแล้วว่า นางรวิพรรณจะเป็นคนโอนเช็คให้กับตน วันนั้นลูกยังอ่อน ศาลบอกว่าสามารถให้คนอื่นไปแทนได้ แต่นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว ผมจะให้ใครเป็นก็เป็นเรื่องของผม ที่ผ่านมาแนวทางปฏิบัติของผม ให้ภรรยาเป็นผู้ดำเนินการทุกครั้ง ไม่เคยให้คนอื่นไป เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของครอบครัวผม เราเอาเช็คตัวจริงไปให้กกต.ดูด้วย เพราะเมื่อภรรยารู้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้น จึงไม่กล้าเอาเช็คไปขึ้นเงิน เก็บเช็คไว้กับตัว การที่ผมต้องเข้าไปให้การในชั้นกกต. ในวันที่ 30 เม.ย. และให้ทนายความของพรรคไปยื่นให้กกต.ดูด้วย เราแสดงเช็คตัวนี้ให้เจ้าหน้าที่ กกต.ดู แต่เราส่งแค่สำเนาเช็คแนบคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่กกต.เห็นเช็คจริงในวันที่ 30 เม.ย. นั่นคือเหตุผลที่นำเช็คไปขึ้นเงินช้า ซึ่งเจ้าหน้าที่กกต.ก็ไม่ได้โต้แย้งเรื่องนี้แสดงว่าเขาเห็นเช็ค”นายธนาธรกล่าว

เป็นธรรมหรือไม่ให้ประชาชนตัดสิน! "ธนาธร"แย้ง4ประเด็นคำวินิจฉัย

นายธนาธร กล่าวอีกว่า เรื่องต่อไป ไม่มีตุลาการคนใดเป็นนักธุรกิจเลย ซึ่งเรื่องการลงทุนในธุรกิจเป็นเรื่องของรสนิยม ซึ่งนักธุรกิจจะมีรสนิยมในการลงทุนต่างกัน โครงการไหนน่าลงทุนหรือไม่น่าลงทุน มีความรักชอบในความเสี่ยงต่างกัน แบกรับการขาดทุนของตลาดต่างกัน ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน 100 คน มาตัดสินใจเรื่องการลงทุนก็จะตัดสินใจต่างกัน จะใช้มาตรฐานศาลมาตัดสินนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ควรจะตัดสินใจลงทุนหรือไม่ ในเรื่องใดคงไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องรสนิยมความชอบในความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

การที่คุณสมพรโอนหุ้นให้นายทวี จรุงสถิตย์พงศ์ และมีการโอนคืนข้อเท็จจริงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความสมบูรณ์ของการโอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค. ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ไปด้วยตัวมันเองแล้ว ดังนั้นเหตุผลที่ศาลยกขึ้นมาวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของตนสิ้นสุดลง ล้วนเป็นข้อสันนิษฐานไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาหักล้างเอกสารหลักฐานที่เรานำเสนอ ศาลให้น้ำหนักกับข้อสันนิษฐานมากกว่าข้อเท็จจริง ทั้งที่มีข้อเท็จจริงปรากฏเป็นเอกสารหลายข้อ แต่ศาลกลับให้น้ำหนักกับข้อสันนิษฐานมากกว่า

นายธนาธร กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตข้อสุดท้ายว่าการอ่านคำวินิจฉัยวันนี้ไม่มีการออกมติขององค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ซึ่งแตกต่างจากการวินิจฉัยคดีอื่นๆ ของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ตนอยากบอกพี่น้องประชาชนว่า พรรคอนาคตใหม่คือการเดินทาง การเดินทางไม่ได้สิ้นสุดลง ตนยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พรรคอนาคตใหม่คือผู้คนที่สนับสนุน มีความฝันตั้งใจเหมือนกัน และจะเดินร่วมกันต่อไป เรื่องความเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจเองดีที่สุด

"ลองฟังคำแถลงความคิดเห็นของผมวันนี้ และฟังคำที่ศาลรัฐธรรมนูญแถลง แล้วให้ประชาชนตัดสินใจเองดีกว่า สำหรับอนาคตทางการเมือง ตนจะยังคงทำงานต่อไปในฐานะหัวหน้าพรรค ยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย ทั้งเรื่องการรณรงค์เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร รวมถึงการสร้างพรรค และบริหารพรรคให้เข้มแข็งขึ้นเพื่อเป็นหลักยืนให้ประชาชนในอนาคต"นายธนาธรกล่าว

เมื่อถามว่าในอนาคตจะมีโอกาสกลับมาเป็นส.ส. ได้อีกหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า มีโอกาสได้กลับมา การเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.ไม่ได้เป็นสมรภูมิเดียว พรรอนาคตใหม่คือการเดินทาง เรายังต้องผ่านการเลือกตั้งอีกมากมาย และที่สำคัญ ตนยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่

อย่างไรก็ตาม ตนไม่กังวลเรื่องการยุบพรรค และอย่าไปกังวลกับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ เพราะเรามีงานที่จะต้องทำอีกมากมาย สนใจกับงานที่เป็นผลประโยชน์กับประชาชน และให้ประชาชนตัดสินเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเราเป็นธรรมหรือไม่