posttoday

"ธนาธร"ยันอนค.ไม่ใช่"หัวรุนแรงก้าวร้าว"-"ปิยบุตร"ปลุกร่วมปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศ

16 พฤศจิกายน 2562

"อนาคตใหม่" จัดกิจกรรม "อยู่ไม่เป็น" ประชาชนแห่ร่วมแน่น "ธนาธร" เผยตั้งพรรคเพื่อเป็นเครื่องมือทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้น ยันไม่ใช่"หัวรุนแรง-ก้าวร้าว" แต่เกิดจากรักในเพื่อนมนุษย์ "ปิยบุตร"ปลุกเดินทางต่อ ร่วมปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศให้ทุกคน "อยู่ได้"

"อนาคตใหม่" จัดกิจกรรม "อยู่ไม่เป็น" ประชาชนแห่ร่วมแน่น "ธนาธร" เผยตั้งพรรคเพื่อเป็นเครื่องมือทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้น ยันไม่ใช่"หัวรุนแรง-ก้าวร้าว" แต่เกิดจากรักในเพื่อนมนุษย์ "ปิยบุตร"ปลุกเดินทางต่อ ร่วมปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศให้ทุกคน "อยู่ได้"

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ จตุจักร พรรคอนาคตใหม่จัดงาน "อยู่ไม่เป็น" โดยมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมงาน สมัครสมาชิก ซื้อสินค้าระดมทุนของพรรค เยี่ยมชมบูธนิทรรศการต่างๆ เช่น บูธไอทีและแอพลิเคชั่นของอนาคตใหม่ บูธปีกแรงงาน บูธเกี่ยวกับ พ.ร.บ.รับราชการทหาร เป็นต้น ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงของการปราศรัยโดย ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ในหัวข้อต่างๆ ได้แก่ อยู่เป็น โลกไม่เปลี่ยน โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ประชาชนใต้อำนาจทุน โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล, ประชาชนใต้อำนาจปืน โดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รวมถึงการปราศรัยในหัวข้อ ความอยู่ไม่เป็นของพรรคอนาคตใหม่ โดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล และปิดท้ายด้วยการปราศรัยในหัวข้อ อนาคตใหม่คือผู้คนและการเดินทาง โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทั้งนี้ในงานยังมีมินิคอนเสิร์ตโดย ศิลปินแร็พกลุ่ม RAD เจ้าของเพลงดัง ประเทศกูมี, ถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นต้น

นายธนาธร กล่าวว่า การเดินทางของพรรคอนาคตใหม่จากวันแรก พ.ค. 61 ถึงวันนี้เป็นเวลา 540 วัน จากวันที่เริ่มต้นเพราะคนอยู่ไม่เป็น 3 คน กลายเป็นผู้ร่วมจดจัดตั้งพรรค 26 คน จากนั้นจึงมีสมาชิกเริ่มแรก 670 คน ร่วมจดจัดตั้ง ต่อมาขยับเป็นทีมจังหวัด 77 จังหวัด กลายเป็นผู้สมัคร ส.ส.ที่มีทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อชุดแรก 474 คน กระทั่งกลายมาเป็นคะแนนเสียงมากกว่า 6,300,000 คน และมีสมาชิกพรรคมากกว่า 60,000 คน ในปัจจุบัน ขอขอบคุณทุกการสนับสนุนและทุกหัวใจที่ผลักดันให้มาจนถึงจุดนี้ ทั้งนี้ เหตุผลที่ตนร่วมตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่า พรรคการเมืองจะสามารถเป็นเครื่องมือที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้ และสาเหตุที่ทุกคนมารวมกันก็เพราะมีปลายทาง มีความฝันเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ เป็นคนเท่ากัน ไม่ว่าคนนั้นคนจะรวย จน สูงศักดิ์ เป็นชาวนาดำกร้าน นับถือศาสนาหรือไม่นับถือ เป็น LGBTQ หรือเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใดก็ตาม

“ปลายทางของเราคือ ทุกคนในสังคมไทยมีสิทธิและเสรีภาพ ได้รับสวัสดิการที่ดี เราต้องการเห็นเทคโนยีก้าวหน้าที่ไม่ต้องพึ่งต่างชาติ มีอุตสาหกรรรมสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นเทคโนโลยีที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเปี่ยมไปด้วยความหมาย เป็นประเทศที่กระจายอำนาจอย่างเท่าเทียม ไม่มีเศรษฐกิจผูกขาด มีความเข้มแข็งในระดับนานาชาติที่ไม่ใช่การมีเรือดำน้ำ แต่เข้มแข็งเพราะมีมนุษยธรรม ได้รับความเคารพนับถือจากนานาชาติ พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนบ้านยามลำบาก พร้อมที่จะต่อสู้กับความยากจนและเดินไปด้วยกัน เราต้องการประเทศไทยที่คนทุกคนเท่าเทียม เท่าทัน และทัดเทียมกับโลก” นายธนาธร กล่าว


นายธนาธร กล่าวต่ออีกว่า เพื่อไปสู่จุดหมายนั้น พรรคอนาคตใหม่กลับถูกกล่าวหาว่าหัวรุนแรง ก้าวร้าว ชังชาติ และอยู่ไม่เป็น แต่ความจริงแล้วจุดเริ่มต้นและการดำรงอยู่ของพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เริ่มจากความเกลียดชัง แต่เริ่มเพราะความรัก เห็นคนตกงาน เห็นความลำบาก เห็นชีวิตที่อัตคัดขัดสนข้างนอก คำถามคือเราได้เห็นชีวิตพวกเขาแล้วร้องไห้ไหม ได้ยินแล้ว ยังปล่อยให้เขาดิ้นรนต่อสู้กับระบบที่ไม่เป็นธรรมอย่างเดียวดายหรือไม่ หรือเป็นเพราะสังคมถูกโบยตีด้วยแส้หมดแล้วจึงด้านชาไม่รู้สึกอะไร หัวใจของพวกเรายังอุ่นอยู่ มีเลือดมีเนื้อ สามารถแบ่งทุกข์เฉลี่ยสุขกันได้ นั่นคือสิ่งที่เราเชื่อ การเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของพรรคอนาคตใหม่จึงไม่ได้เริ่มจากความเกลียดชัง แต่เริ่มจากความรักในความเป็นมนุษย์ รักในความเป็นคนในสังคมเดียวกัน จึงก่อเกิดเป็นทางสายนี้ขึ้น

"บางคนบอกว่า พรรคอนาคตใหม่หัวรุนแรง จะทำให้สังคมพังเพราะเปลี่ยนแปลงเร็วไป แต่อยากให้หันไปดูว่า ได้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีในเวลานี้หรือไม่ เห็นความยากจน อัตคัด ที่ดำรงอยู่หรือไม่ ดังนั้น สิ่งที่ต้องกลัวไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เร็วไป แต่ต้องกลัวว่า ถ้าอยู่เป็นและกลัวเปลี่ยนแปลงแล้วมันจะสายเกินการณ์" นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวทิ้งท้ายว่า การอยู่ไม่เป็น หมายถึง เรามองเห็นความเป็นไปได้ที่ตั้งอยู่บนศักยภาพที่หนักแน่น มั่นคง เราเชื่อในศักยภาพของคนไทยว่าจะสามารถพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้ รวมทั้งมองเห็นศักยภาพของชาวอนาคตใหม่ที่มีความแน่วแน่ จึงมองไม่เห็นเลยว่า ถ้าเราเริ่มเดินทางตั้งแต่วันนี้ทำไมเราจะทำไม่ได้ อนาคตใหม่ไม่ใช่สำนักงาน ไม่ใช่ตึกรามบ้านช่องหรือออฟฟิศ แต่อนาคตใหม่คือเจตจำนงค์ที่แน่วแน่ อนาคตใหม่ไม่ใช่เพียงแค่พรรคการเมืองแต่คือการเดินทาง อนาคตไม่ใช่ยศถาบรรดาศักดิ์ หรือเรื่องของกลุ่มผลประโยชน์ส่วนบุคล แต่คือผู้คนที่มีปลายทางการเดินทางไปที่เดียวกัน อนาคตใหม่ไม่ใช่ผม แต่คือพวกเรา ที่พร้อมเดินทางไปด้วยกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกล่าวจบ นายธนาธรได้เชิญชวนทุกคนที่มาร่วมงานลุกขึ้นยืนและเดินไปด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง

ก่อนหน้านี้ นายปิยบุตร กล่าวปราศรัยโดยระบุว่า คำว่าอยู่เป็นและอยู่ไม่เป็น กลับมาเป็นคำที่อยู่ในกระแสสังคมทั้งในโลกออนไลน์และในโลกออฟไลน์ช่วงนี้ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา คำนี้ปรากฏขึ้นบ่อยๆ หลังรัฐประหาร 2557 มีการเลาะกัน แซวกันเล่นๆว่า พวกนักกิจกรรมนิสิตนักศึกษา พี่น้องประชาชน นักวิชาการ ที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจของคณะ คสช. แล้วออกไปต่อต้านนั้น เป็นพวกอยู่ไม่เป็น พวกนี้ถ้าอยู่เป็นบ้านเมืองก็จะสงบเรียบร้อยดี คสช.จะบริหารประเทศได้ต่อไป ซึ่งก็มีคนที่ทนสภาพสังคมแบบนี้ไม่ได้ แต่พวกเขามีศักยภาพ เบื่อประเทศนี้ก็ไปทำธุรกิจในต่างประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทยในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เหลือทางเลือกของคนไทยเพียง 2 ทางคือ 1.คืออยู่ให้เป็น เอาตัวรอดให้ได้ในสังคมต่อไป หรือ 2.ถ้าทนไม่ไหว มีศักยภาพเพียงพอ ก็เดินทางไปทำงานต่างประเทศ

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า อำนาจเป็นปรากฏการณ์ในทางสังคมที่เกิดขึ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีคนมากกว่าหนึ่งคน เมื่อคนกลุ่มหนึ่งสั่งให้คนอีกกลุ่มปฏิบัติตามแล้วเขาก็ยอมเชื่อฟัง อำนาจได้เกิดขึ้นแล้ว อำนาจทำงานได้ต่อเมื่อมีความยินยอมและการเชื่อฟัง อำนาจทำงานได้ด้วยความกลัวและความเชื่อ นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสกล่าวไว้ว่า บนโลกนี้มีปีศาจมากมายเต็มไปหมด แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ คนที่พร้อมเชื่อฟังคำสั่งโดยที่ไม่กล้าเถียงไม่กล้าปฏิเสธ เวลาที่มีคนถามเราว่าอดทนอยู่เฉยๆ ให้เป็นไม่ได้หรือไง เดี๋ยวทุกอย่างก็เรียบร้อยดี นั่นไม่ใช่คำถามที่ถูกต้อง คำถามที่ควรถามมากกว่าคือ สภาพสังคมที่เป็นอยู่แบบนี้ เราทนอยู่กับมันได้อย่างไร เราต้องลุกขึ้นมาตั้งคำถาม เปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ไม่ยุติธรรม

นายปิยบุตร กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่เป็นที่มาของพรรคอนาคตใหม่ คือเหตุผลที่เรารวมตัวกันเป็นพรรคเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ให้ดีขึ้น สภาพสังคมที่มีรัฐราชการส่วนกลางกำหนดทุกความเป็นไปในประเทศ สังคมที่มีความเหลื่อมล้ำรวยกระจุกจนกระจาย มีรัฐประหารทุกๆ 4-6 ปี ทหารเข้ามาครองอำนาจเหนือรัฐบาลพลเรือน ตบเท้าสั่งรัฐบาลพลเรือนได้ สังคมที่เกณฑ์เอาคนหนุ่มสาวไปเสียโอกาสอยู่ในกองทัพทำงานให้กับนายพล ปล่อยให้คนทั่วไปไม่มีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถขยับชนชั้นสถานะ เราพรรคอนาคตใหม่จึงตัดสินใจออกมาเพื่อบอกว่าเราจะอยู่ไม่เป็น

"เราออกแบบพรรคอนาคตใหม่ ออกแบบนโยบายเพื่อให้ทะลุทะลวงไปจนถึงโครงสร้างของปัญหา ทั้งหลายทั้งปวงจึงนำมาซึ่งเภทภัยทั้งหลายที่พรรคอนาคตใหม่กำลังเผชิญอยู่ บรรดาผู้ครองอำนาจไม่สบายใจ แต่ก็คงคิดว่าเราจะไปทำอะไรได้ หากแต่ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา มีเสียงผู้สนับสนุนเราถึง 6 ล้านเสียง พร้อมกับ ส.ส.81 ที่นั่ง นี่จึงเป็นเหตุให้เรามีคดีถึง 25 คดีแล้วตอนนี้ สังเกตได้อย่างชัดเจนว่า คดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาตั้งแต่หลังเลือกตั้ง ไม่นับรวมว่ามีเพจโซเชียลมีเดียต่างๆ เกิดขึ้นมาโจมตีใส่ร้ายพรรคอนาคตใหม่เพิ่มมากขึ้น พวกเขาชี้นิ้วมาและหาว่าพวกเรามาล้างสมองเด็ก ผมกลับเห็นว่า คนเหล่านั้นควรต้องชี้นิ้วกลับไปที่ตัวเองต่างหากว่า สร้างบ้านเมือง ปล่อยบ้านเมืองให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร สร้างปัญหาแล้วมีแต่เรื้อรังบานปลายขึ้นมา" นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า เหล่านี้คือสาเหตุที่เราต้องอยู่ไม่เป็น ถ้าทุกคนพร้อมใจกันอยู่แบบที่เป็นอยู่ บ้านเมืองก็จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงจะไม่มีวันเกิดขึ้น เราชาวอนาคตใหม่ต้องอยู่ไม่เป็นเพื่อให้ทุกคนอยู่ได้ เพื่อให้คนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันในแผ่นดินนี้ได้ เปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ทุกๆคนอยู่ได้ ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปไปด้วยกัน ไม่มีสังคมไหนอนุญาตให้คนไม่กี่คนเอาทุกอย่างไปเป็นของตัวเอง ทั้งอำนาจและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้แบบนี้ ทุกการเปลี่ยนแปลงในสังคมเริ่มจากแบบนี้หมด คนกลุ่มเดียวครอบครองเอาไว้ทุกอย่างทั้งอำนาจและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ คนส่วนใหญ่ออกมาเรียกร้องให้มีการแบ่งปันอำนาจ ถ้าคนที่ครองอำนาจมองเห็นว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นจะอยู่กันไม่ได้ทั้งหมด ก็จะเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการปฏิรูป แต่ถ้าคนครอบอำนาจไม่ยอมมองเห็นความสำคัญ คิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจัดการปราบปรามได้ มันก็จะกลายเป็นการปฏิวัติ

"อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า แนวทางที่สังคมไทยควรเป็นไปมากที่สุดคือวิถีการปฏิรูป นั่นจึงเป็นที่มาของการตั้งพรรคอนาคตใหม่เพื่อเข้าไปทำการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ถึงเวลาที่ผู้มีอำนาจต้องตระหนักให้ดีว่า เราจะปล่อยประเทศให้เป็นไปเช่นนี้ไม่ได้ ต้องหันกลับมามองความต้องการของพี่น้องคนไทยแล้วเดินหน้าปฏิรูปไปด้วยกัน ที่เราต้องอยู่ไม่เป็น ก็เพื่อให้ทุกคนอยู่ในประเทศนี้ได้อย่างมีความสุข" นายปิยบุตร กล่าว