posttoday

ศาลสั่งริบทรัพย์ "เมียอริสมันต์" 42 ล้านเหตุร่ำรวยผิดปกติ

16 กันยายน 2562

ศาลฎีกานักการเมืองฯ สั่งริบทรัพย์ "ระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง" อดีต ส.ส.เพื่อไทย กว่า 42 ล้านบาทให้ตกเป็นของแผ่นดิน เหตุร่ำรวยผิดปกติ

ศาลฎีกานักการเมืองฯ สั่งริบทรัพย์ "ระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง" อดีต ส.ส.เพื่อไทย กว่า 42 ล้านบาทให้ตกเป็นของแผ่นดิน เหตุร่ำรวยผิดปกติ

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 62 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.77/2561 โดยอัยการสูงสุด ขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพยสินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ของ "นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง" ภรรยาของนายอริสมันต์ รวมมูลค่า 42,816,226 บาทให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 38 ซึ่งมี น.ส.จันทาภา พิษณุไวศยวาท ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของของทรัพย์สินบางรายการ เป็นผู้คัดค้านที่ 1 , บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้คัดค้านที่ 2 , นายอริสมันต์ คู่สมรส เป็นผู้คัดค้านที่ 3

โดยกรณีนี้ สืบเนื่องจาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นางระพิพรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมมูลค่า 42,816,226.64 บาท ซึ่ง ป.ป.ช.ส่งสำนวนเอกสารหลักฐานให้อัยการยื่นฟ้องศาลฎีกาฯ เมื่อเดือน พ.ค.61 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา แต่มอบหมายให้ทนายความ มาฟังคำพิพากษาแทน

ศาล พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินหรือหนี้สิน เมื่อพ้นตำแหน่ง ว่าเพิ่มขึ้นผิดปกติไปจากกรณีเข้ารับตำแหน่งหรือไม่นั้น ตามธรรมดาย่อมจะต้องพิจารณาถึงเหตุแห่งการได้มา การโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินในระหว่างดำรงตำแหน่งนั้นมีอย่างไร

ซึ่งศาลพิจารณาข้อเท็จจริงตามที่ นางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหา มีภาระการพิสูจน์แล้ว พบว่าผู้ถูกกล่าวหามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญรวม 42,816,226.64 บาท

สำหรับรถยนต์ BMW รุ่น 730 Ld เลขทะเบียน ถ-8988 (ป้ายแดง) ฟังได้ว่า บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามคำร้อง ที่ได้ให้ นางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหา เช่าซื้อรถยนต์ไป ตามธรรมดาทางการค้าปกติย่อมไม่อาจทราบได้ว่าเงินที่ชำระค่ารถยนต์ที่เช่าซื้อจะมาจากทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของผู้ถูกกล่าวหา

ต่อมาเมื่อผู้ถูกกล่าวหาผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ บริษัทผู้คัดค้านที่ 2 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและฟ้องร้องจนศาลแพ่งมีคำพิพากษาแล้ว เมื่อผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าของ ย่อมมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อคืนได้ การยื่นคำคัดค้านขอคืนรถยนต์ตามคำร้องเพื่อประโยชน์ของตนไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา จึงสมควรคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ บริษัทผู้คัดค้านที่ 2

ศาล จึงพิพากษาให้ทรัพย์สินมูลค่า 42,816,226.64 บาท พร้อมดอกผลที่เกิดขึ้นตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 , 38 ประกอบมาตรา 83 โดยให้คืนรถยนต์ BMW รุ่น 730 Ld เลขทะเบียน ถ-8988 (ป้ายแดง) แก่บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้คัดค้านที่ 2