posttoday

“พิชัย” ห่วง ข่าว "ธรรมนัส" ทำลายความเชื่อมั่นประเทศ ยิ่งทำศก.ทรุด

11 กันยายน 2562

อดีตรมว.พลังงาน ห่วง ข่าว "ธรรมนัส" ทำลายความเชื่อมั่นของไทย ยิ่งทำเศรษฐกิจทรุด แนะ “บิ๊กตู่” ต้องรักษาภาพพจน์ของประเทศที่แทบไม่เหลือแล้ว

อดีตรมว.พลังงาน ห่วง ข่าว "ธรรมนัส" ทำลายความเชื่อมั่นของไทย ยิ่งทำเศรษฐกิจทรุด แนะ “บิ๊กตู่” ต้องรักษาภาพพจน์ของประเทศที่แทบไม่เหลือแล้ว

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า รู้สึกตกใจกับข่าวที่สำนักข่าว The Sydney morning Herald ของออสเตรเลียนำมาออกข่าว โดยยืนยันว่าได้นำมาจากข้อมูลของคดีในศาลของออสเตรเลีย ตามคำท้าของ นายธรรมนัสเองที่เคยแถลงข่าวว่าให้ไปตรวจสอบกับข้อมูลของศาลที่ออสเตรเลียได้ ทั้งนี้การที่สื่อดังกล่าวต้องใช้เวลานานในการตรวจสอบเพราะนายธรรมนัสได้เปลี่ยนชื่อ จึงทำให้ใช้เวลาค้นหานานกว่าจะหาเจอ จนมาพบข่าวเดิมที่ The Sydney Morning Herald เคยตีพิมพ์ไว้เองในในวันที่ 16 เมษายน ปี ค.ศ. 1993 จึงได้ชื่อเดิมของนายธรรมนัสมาทำการค้นหาข้อมูลของคดีจนเจอ

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ The Sydney Morning Herald ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1831 หรือ 188 ปีมาแล้ว ดังนั้น คงไม่น่าลงข่าวมั่วๆ หรือ จะไปลงข่าวให้กับกลุ่มใด เหมือนที่ถูกกล่าวหา และที่สำคัญต้องดูว่าข่าวที่เสนอตรงกับข้อมูลที่แท้จริงของคดีในศาลออสเตีเลียใช่หรือไม่

โดยข้อมูลที่ตีพิมพ์ในข่าวแตกต่างกับข้อมูลที่นายธรรมนัสแถลงข่าวอย่างสิ้นเชิง และถ้าเป็นจริงตามข่าว คุณสมบัติของนายธรรมนัสน่าจะขัดกับคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากนายธรรมนัสยืนยันว่าไม่จริงและจะฟ้อง นสพ. ออสเตรเลียตามที่เป็นข่าว ก็ควรจะเร่งฟ้อง เพื่อให้ความจริงปรากฏ มิเช่นนั้นหากปล่อยไว้ให้คนเข้าใจตามข่าว คนไทยคงรับกันไม่ไหวแน่ และถ้าบอกว่าข้อมูลของศาลออสเตรเลียที่สื่อออสเตรเลียลงข่าวไม่ถูกต้อง ก็ต้องแสดงเอกสารข้อมูลที่ถูกต้องของศาลออสเตรเลียไม่ใช่แค่พูดลอยๆ

นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังได้กระจายไปทั่วโลกแล้ว โดยมีสื่อใหญ่ระดับโลกเช่น South China Morning Post, The Associated Press, ABC News etc. ก็ได้นำลงไปตีพิมพ์ด้วย ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศไทยลดลงไปอีก หลังจากที่สื่อหลักต่างประเทศหลายสำนักได้เสนอข่าวทางลบเกี่ยวกับรัฐบาลไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งจะแย่ลงไปอีก ประชาชนจะยิ่งลำบากและอาจจะทนกันไม่ไหว เพราะทุกวันนี้ก็มีข่าวการฆ่าตัวตายรายวันเพราะพิษเศรษฐกิจอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำผลของทุกโพลสำรวจที่ออกมาว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นในความสามารถของทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ ขนาดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ยังรีบปฏิเสธว่าไม่ได้เป็น หัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้ว  มีเพียงนายอุตตม สาวนายน รมว. คลัง ที่ยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่อย่างโพล แต่คงไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อมั่นในตัวนายอุตตมเลย ปัญหาการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยยังคงตามหลอกหลอนนายอุตตม โดยเฉพาะหลังจากศาลได้ยกฟ้องคดีที่อ้างถึงบิ๊กบอสแล้ว อีกทั้งรัฐบาลยังจะต้องมาเจอกับข่าวคดีเดิมของนายธรรมนัสอีก

ดังนั้น พลเอกประยุทธ์ จะต้องรีบตัดสินใจเร่งแก้ไข อย่าปล่อยให้ภาพพจน์ของประเทศตกต่ำไปกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาก็ตกต่ำอย่างมากจนแทบไม่เหลือแล้ว อีกทั้งหากปล่อยปัญหานานไป ประชาชนจะเริ่มสงสัยว่าจะเป็นความผิดของพลเอกประยุทธ์หรือไม่ ที่เสนอบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี หลังจากที่ปัญหาการถวายสัตย์ก็ยังค้างคาอยู่ โดยเชื่อว่าในวันที่ 18 กันยายน นี้ พลเอกประยุทธ์คงต้องชี้แจงเรื่องนายธรรมนัส พร้อมไปกับเรื่องปัญหาการถวายสัตย์ด้วย โดยหวังว่าพลเอกประยุทธ์จะสามารถควบคุมอารมณ์และตอบข้อสงสัยทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประเทศได้