posttoday

“เรืองไกร” ร้อง กกต.สอบ“อุตตม-ไพบูลย์”

10 กันยายน 2562

"เรืองไกร" ร้อง "กกต." ตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี ของ "อุตตม" เหตุเป็นหนึ่งในคณะกรรมการอนุมัติเงินกู้กรุงไทยให้กฤษดานคร พร้อมขอให้สอบสมาชิกภาพ “ไพบลูย์” หลังขอยุบพรรคประชาชนปฏิรูป

"เรืองไกร" ร้อง "กกต." ตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี ของ "อุตตม" เหตุเป็นหนึ่งในคณะกรรมการอนุมัติเงินกู้กรุงไทยให้กฤษดานคร พร้อมขอให้สอบสมาชิกภาพ “ไพบลูย์” หลังขอยุบพรรคประชาชนปฏิรูป

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เข้ายื่นหนังสือถึงกกต.เพื่อขอให้ตรวจสอบความเป็นรัฐมนตรีของนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา160 (4) หรือไม่ เมื่อวันที่30 ส.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาในคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ให้กับกฤษดามหานคร ซึ่งแม้ตามคำพิพากษาจะระบุว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไม่มีความผิดแต่ในเนื้อของคำพิพากษามีข้อเท็จจริงที่เป็นข้อยุติว่านายอุตตม ศาลได้วินิจฉัย และตัดสินว่าพฤติการณ์ของคณะกรรมการบริหารอนุมัติสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย ที่มีนายอุตตม เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหาร ซึ่งได้อนุมัติสินเชื่อจำนวน 9.9 พันล้านบาทให้กับกฤษฎานคร คณะกรรมการบริหารมีเจตนาฝ่าฝืนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)  และมีเจตนาช่วยเหลือให้กฤษดามหานครได้รับสินเชื่อ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าในการรับรองรายงานการประชุมในครั้งถัดมาจะมีเพียงแค่กรรมการ 3 คน แต่ไม่มีนายอุตตม ร่วมรับรองประกอบกับในการประชุมหลังจากนั้นนายอุตตม ได้เข้าร่วมประชุม และได้รับทราบรายงานความคืบหน้าโครงการที่มองว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงแค่การรีไฟแนนซ์ โดยไม่มีข้อท้วงติงใดๆและเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปตรวจสอบ รวมทั้งมีการดำเนินคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งไม่ได้ดำเนินคดีกับนายอุตตม แต่คำพิพากษาของศาลล่าสุดได้พิจารณาแล้วว่าคณะกรรมทั้ง 5 คนฝ่าฝืนไม่สุจริต ตนจึงอยากให้กกต.ตรวจสอบ เพราะน่าจะเข้าข่ายความผิดของรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) ผู้ซึ่งเป็นรัฐมนตรีจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อย่างไรก็ตามนอกจากกกต.แล้วตนยังเชื่อว่าส.ส.จะเข้าชื่อเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของนายอุตตมด้วย

นอกจากนี้ นายเรืองไกร ยังขอให้กกต.ตรวจสอบว่านายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ขาดสมาชิกภาพการเป็นส.ส.หลังกกต.มีมติให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เนื่องจากตนเห็นว่าการสิ้นสภาพส.ส.มีได้ 2 แบบ คือตามมาตรา 91 ในกรณียุบเลิกพรรค และในมาตรา 92 กรณีถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (10) ส.ส.จะขาดความเป็นสมาชิกภาพเมื่อขาดการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง โดยกรณีนายไพบูลย์ อ้างว่ามีเวลา 60 วัน กรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค แต่กรณีของนายไพบูลย์เป็นการยุบเลิกพรรค ประกอบกับการสิ้นสภาพพรรคที่กฎหมายกำหนดให้ยังต้องดำรงสถานะการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่ออยู่ปิดบัญชี การที่นายไพบูลย์จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ  ยังไม่ทราบว่าพรรคพลังประชารัฐจะรับเป็นสมาชิกหรือไม่ และคะแนนของพรรคประชาชนปฏิรูป รวมถึงลำดับส.ส.บัญชีรายชื่อ จะลำดับอย่างไร เข้าข่ายการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่มิชอบด้วยหรือไม่ ดังนั้นในวันนี้ข้อเท็จจริงได้เกิดขึ้นแล้วตนจึงอยากให้กกต.พิจารณาและส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากพรรคพลังประชารัฐรับนายไพบูลย์ ไว้เป็นสมาชิกพรรค ตนก็จะเดินหน้าตรวจสอบอีกครั้ง