posttoday

"ตู่" ชี้ "นปช." ยังเผชิญวิบากกรรมอีก3คดีในศาลฎีกา

18 สิงหาคม 2562

"จตุพร" ย้ำนปช.อย่าเพิ่งดีใจ หลังศาลชั้นต้นยกฟ้องคดีก่อการร้าย ชี้ยังต้องเผชิญวิบากรรมอีก 3 คดี ในในศาลฎีกา

"จตุพร" ย้ำนปช.อย่าเพิ่งดีใจ หลังศาลชั้นต้นยกฟ้องคดีก่อการร้าย ชี้ยังต้องเผชิญวิบากรรมอีก 3 คดี ในในศาลฎีกา

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 62 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวตอนหนึ่งทางสถานีโทรทัศน์พีซทีวีว่า แม้ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้อง คดีก่อการร้าย นปช. เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ได้พูดแล้วว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะดีใจกัน คดีความยังไม่ยุติ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เรามักจะเจอเรื่องทุกข์ สุข สลับกันอยู่เสมอ ดังนั้น เมื่อเวลาชนะ ทำตัวเหมือนคนแพ้ เมื่อแพ้ ก็ทำเหมือนผู้ชนะ ในส่วนของคดีก่อการร้ายนั้นยังไม่ยุติ เพียงแค่ศาลชั้นต้นเท่านั้น ยังมีอีก 2 ศาล

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา 2 ศาลแรกยกฟ้อง มาถึงศาลที่สาม ติดคุก ตนก็ผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว สิ่งสำคัญที่สุด คือต้องรู้ว่า เรื่องนี้ยังไม่จบ เราต้องทำความเข้าใจในวิบากกรรมคดีความเหล่านี้ นอกจากนี้ในระยะเวลาอันใกล้ นปช.ยังมีอีก 3 คดีในศาลฎีกาที่ได้นัดอ่านคำพิพากษา ได้แก่ วันที่ 20 ส.ค. 2562 มีคดีหมิ่นประมาท เป็นคดีส่วนตัว ที่ต่างฝ่ายต่างถอนแจ้งความกันแล้ว อันนี้ไม่เป็นเรื่องน่ากังวล

ต่อมาในวันที่ 11 ก.ย. 2562 ศาลฎีกา พัทยา นัดอ่านคำพิพากษาคดี ล้มการประชุมอาเซียนซัมมิท เมื่อปี 2552 ซึ่งมีพรรคพวกเราเป็นจำเลยถึง 13 คน ในศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ ได้พิพากษาจำคุก 4ปี

นอกจากนี้ ศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดี บุกบ้านสี่เสา เทเวศน์ ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในวันที่ 23 ก.ย. 2562 ศาลชั้นต้น จำคุก 4ปี4เดือน และอุทธรณ์ ก็ได้พิพากษาจำคุก 2 ปี 8เดือน เช่นเดียวกัน สองคดีนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องติดตาม ให้กำลังใจกัน

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันเดินหน้า เพื่อให้เกิด สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ซึ่งจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม โดยให้ ยกเลิกความในมาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม เพื่อเปิดประตูให้มีการแก้ไขให้ง่ายขึ้น โดยระบุว่า "วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ยาก เนื่องจากผูกพันกับ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะให้ ส.ว.มาร่วมโหวตลดอำนาจตัวเอง ให้ตัวเองเสียประโยชน์ได้อย่างไร และจะเป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันอยู่ยาวไปอีก"

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ว่า กระบวนการให้ได้มาซึ่ง ส.ส.ร.เราต้องมาตั้งหลักกันใหม่ วันนี้ถ้าพรรคการเมืองไม่ร่วมมือกับภาคประชาชน แล้วให้ภาคประชาชนเป็นฝ่ายนำ การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่มีทางสำเร็จ ต้องให้ภาคประชาชนเป็นฝ่ายนำ สร้างกระแสเหมือนกระแสธงเขียวในช่วงก่อนได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญ 2540 เท่านั้น ความหวังในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงจะเป็นไปได้ และ แก้ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงบางมาตราด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 แต่ละมาตราผูกพัน เกี่ยวเนื่องกัน