posttoday

บิ๊กปปช.โต้ถูกกลั่นแกล้งชี้มูลปกปิดทรัพย์สิน227ล้าน

15 สิงหาคม 2562

"ประหยัด" แถลงโต้ถูกปปช.กลั่นแกล้งชี้มูลผิดปกปิดทรัพย์สิน 227 ล้านประกาศพร้อมร่วมมือส.ส.ตั้งเรื่องสอบในสภายื่นถอดถอนกรรมการป.ป.ช.

"ประหยัด" แถลงโต้ถูกปปช.กลั่นแกล้งชี้มูลผิดปกปิดทรัพย์สิน 227 ล้านประกาศพร้อมร่วมมือส.ส.ตั้งเรื่องสอบในสภายื่นถอดถอนกรรมการป.ป.ช.

นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน วงเงินกว่า 227 ล้านบาท ตอนหนึ่งว่า ข้อเท็จจริงกรณีเกิดขึ้นในช่วงยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งแรกเมื่อปี 2560 โดยมีความเข้าใจเรื่องบัญชีทรัพย์สินคลาดเคลื่อนของภรรยา ที่นึกว่าบัญชีเงินฝากปิดไปแล้ว แต่ยังมีการเปิดใช้งานอยู่

ทั้งนี้พอทราบ จึงได้ยื่นทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็นเงินฝาก 3 บัญชี รวมถึงเรื่องเช่าซื้อห้องชุดที่อังกฤษ ที่ภรรยาทำธุรกิจร่วมกับบุคคลอื่น และถือครองกรรมสิทธิ์แทน โดยไม่ได้เป็นเจ้าของ สิ่งเหล่านี้ชี้แจงไปแล้วอย่างบริสุทธิ์ใจ

นายประหยัด กล่าวว่า การดำเนินคดีดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้ง และดำเนินการไม่ชอบหลายประการ ไม่ให้ความเป็นธรรม และไม่เคยให้โอกาสเข้าชี้แจงด้วยวาจาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งที่ร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้ง โดยการไต่สวนไม่ชอบตามกฎหมาย และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 ที่ต้องพิสูจน์เจตนาและการดำเนินการกับข้าราชการ ป.ป.ช.

สำหรับที่มีกระแสข่าวว่าคดีตนเองพาดพิงกับบางสิ่งบางอย่าง คดีเหล่านั้นที่ยังไม่มีข้อยุติ มีปัญหาคาราคาซัง จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของตนเองได้อย่างไร กระบวนการไต่สวนต้องแยกการไต่สวนในแต่ละเรื่อง แต่เรื่องนี้การไต่สวนไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 และ 236 และไม่เกี่ยวกับ กฎหมายป.ป.ช. มาตรา 114

"เมื่อผมชี้แจงว่าภรรยาถือครองทรัพย์สิน ไม่ต้องยื่นด้วยซ้ำ พิสูจน์สิว่าทรัพย์สินที่ถือครองเป็นของภรรยาจริง หรือลงทุนจริง ถ้าไม่ใช่ค่อยมาว่าผม” นายประหยัด กล่าว

อย่างไรก็ตาม ได้ยื่นฟ้อง นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้วต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ความคืบหน้าปัจจุบันอยู่ระหว่างการแก้คำฟ้อง ส่วนของคดีของตนเองที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนั้น ตามกฎหมายบอกว่าต้องส่งให้อัยการพิจารณา ยังมีโอกาสขอความเป็นธรรมต่อทนายแผ่นดิน พิสูจน์เจตนาว่าขั้นตอนการไต่สวนเป็นไปโดยชอบหรือไม่

"ผมไม่ใช่คนทุจริต เรื่องนี้เป็นเรื่องข้อบกพร่อง ความเข้าใจคลาดเคลื่อนของภรรยา ที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ การนำสืบต่าง ๆ เป็นตัวภรรยาที่หลงลืม ไม่ผมหลงลืม การที่ภรรยาสำคัญผิด ย่อมเกิดขึ้นได้ ยืนยันเป็นการยื่นทรัพย์สินครบถ้วนทุกขั้นตอน” นายประหยัด กล่าว

นายประหยัด กล่าวด้วยว่า ขอฝากสื่อมวลชน องค์กรยุติธรรมต่าง ๆ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เปิดโอกาสเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือการถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ฝากเรียนไปยังพรรคการเมือง หรือ ส.ส. พรรคต่าง ๆ ถ้าเห็นว่าประเด็นตนเองมีข้อไม่เป็นธรรม ควรหยิบยกไปไต่สวนในสภา ขอเชิญมาบอกกับตนเองได้ จำนวนสมาชิก 125 เสียงเพื่อยื่นเรื่องต่อประธานสภา ไต่สวนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะ หรือประชาชน 2 หมื่นรายเข้าชื่อถอดถอนในประเด็นการดำเนินการที่มิชอบได้ ตนเองยินดีให้ความร่วมมือในกระบวนการว่าถูกต้องหรือไม่

ขณะเดียวกันเมื่อถามว่า คดีนี้มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเกี่ยวข้องกับคดีเครือ ปตท. ลงทุนปลูกปาล์มที่อินโดนีเซีย นายประหยัด กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นนานมาก ตนเองไม่เคยยุ่งเลย และเคยไปอินโดนีเซียแค่ครั้งเดียวกับ นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. โดยไปศึกษาดูงาน ไม่เคยรู้จักเจ้าหน้าที่ ปตท. และภรรยาตนเองไม่เคยไปอินโดนีเซีย ไม่เคยรู้จักเหมือนกัน แต่เห็นว่าเป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน มีการเชื่อมโยง คิดเอาเองทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่มีการพิสูจน์ ต้องพิสูจน์ให้ชัดก่อน

เมื่อถามว่า มูลเหตุที่ทำให้เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันคืออะไร นายประหยัด กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมกับนายวรวิทย์ สุขบุญ แต่เมื่อนายวรวิทย์ เป็นเลขาฯ ตนเองได้เป็นรองเลขาฯ และถูกลดบทบาทในการทำงาน บางครั้งต้องรักษาการรองเลขาฯ และสุ่มเสี่ยงถูกประเมินผลงานให้ถูกออกจากราชการ