posttoday

ฝ่ายค้าน เย้ยรัฐบาล แพ้โหวตในสภา เป็นดอกผลรธน.ปี 60

09 สิงหาคม 2562

“7พรรคฝ่ายค้าน” รณรงค์แก้ไขรธน. ภายใต้แคมเปญ “ทวงคืนอำนาจ การจัดทำรัฐธรรมนูญของประชาชน”เย้ยรัฐบาล แพ้โหวตในสภา เป็นดอกผลของรธน.ปี 60 ที่ออกแบบมา แบะท่าไม่ปิดกั้นดึง “น้องเต้” ร่วมงานฝ่ายค้าน

“7พรรคฝ่ายค้าน” รณรงค์แก้ไขรธน. ภายใต้แคมเปญ “ทวงคืนอำนาจ การจัดทำรัฐธรรมนูญของประชาชน”เย้ยรัฐบาล แพ้โหวตในสภา เป็นดอกผลของรธน.ปี 60 ที่ออกแบบมา แบะท่าไม่ปิดกั้นดึง “น้องเต้” ร่วมงานฝ่ายค้าน

ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน โดนมีแกนนำเข้าร่วมประชุม อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์เปาอินทร์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล นายวัฒนามืองสุข  คณะกรรมการยุทธศาสตร์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และตัวแทนจากทั้ง 7 พรรคการเมืองเข้าร่วมประชุม 

โดยภายหลังการประชุม นายปิยบุตร แถลงว่า ที่ประชุม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้มีความเห็นร่วมกันว่าเราจะรณรงค์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยหลักการสำคัญคือ เราจะให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งจะมีกี่คนนั้นเราจะลงพื้นที่ไปทำงานร่วมกับนักวิชาการ สื่อ ภาคประชาสังคม เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่จะออกมาใหม่เป็นร่างกลางที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน โดยให้ยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่  ทั้งฉบับ จากนั้นจะไปให้ประชาชนร่วมลงประชามติ และเราจะตั้งคณะกรรมการร่วมกันทั้ง 7 พรรคเพื่อมาดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะ แต่ในขณะเดียวกันในแต่ละพรรคก็สามารถรณรงค์ในส่วนที่ตนเองฉนัดได้ ทั้งนี้เราจะรณรงค์ภายใต้แคมเปญ “ทวงคืนอำนาจ การจัดทำรัฐธรรมนูญของประชาชน” อย่างไรก็ตามวันนี้สังคมเริ่มเห็นแล้วว่ารัฐธรรมนูญปี 60 จะนำไปสู่ทางตัน ซึ่งเราจะต้องทำรัฐธรรมนูญที่สุดท้ายแล้วเป็นของเราทุกคน ไม่ใช่เป็นเพียงเฉพาะรัฐธรรมนูญของ 7 พรรคการเมือง 

ด้านนายวัฒนา กล่าวว่า 7 พรรคการเมืองยืนยันว่าเราให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหา ปากท้องของพี่น้องประชาชน แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องของนิติบัญญัติไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำงานแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชนได้ ทั้งนี้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของเราจะดำเนินการแก้ไขในระบบรัฐสภา จะมีเรื่องของความขัดแย้ง หรือความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น 

เมื่อถามว่าจะร่วมมือกับรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลเขาจะเริ่มต้นอย่างจริงจัง ป่านนี้น่าจะทำอะไรเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ตนมองว่านโยบายเร่งด่วนข้อที่ 12 ของรัฐบาลนั้น น่าจะไม่ได้เป็นความเป็นต้องการของนายกฯ เอง แต่เป็นการโดนบีบและกดดันจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งหากทางรัฐบาลเห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้และเดินหน้าจริงเมื่อไหร่ก็นับเป็นเรื่องดี พราะสุดท้ายแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน

เมื่อถามว่า ในการประชุมสภาวันที่8ส.ค. เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายค้านโหวตชนะฝ่ายรัฐบาล เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่ นายปิยบุตร กลาวว่า เมื่อวานพวกเราอยู่ในสภา เมื่อตัวเลขขึ้นจอพวกเราก็ฮือฮากันใหญ่ แต่เราก็ยังไม่ทราบว่าคะแนนมาจากไหน คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่รวบรวมคะแนนก่อน แต่หากเป็นไปตามกระแสว่าพรรคเล็กจะออกจากการร่วมรัฐบาลจริง ก็จะทำให้คะแนนคู่คี่ สูสี ทั้งนี้ที่ผลออกมาแบบนี้ไม่ใช่การชิงไหวชิงพริบกันแต่อย่างใด แต่เรื่องนี้เป็นดอกผลของรัฐธรรมนูญปี 60 ที่คุณออกแบบมา เสียงของรัฐบาลจะปริ่มน้ำแบบนี้อยู่ตลอดเวลา ตนจึงขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรีให้ท่านได้เห็นถึงพิษภัยของรัฐธรรมนูญปี 60 ท่านจะต้องนั่งลุ้นทุกวัน นั่งลุ้นทุกเดือน

เมื่อถามว่า จะไปชวนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศีวิไลย์ มาร่วมกันอย่างจริงจังไหม เพื่อไม่ให้มีการกลับไปกลับมา ทุกคนในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่านค้านหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ก่อนที่นายภูมิธรรม จะกล่าวว่า ในระบบรัฐสภาเราหวังความร่วมมือจากทุกพรรคการเมือง โดยเราประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและปัญหาของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง อะไรที่ร่วมมือกันแล้วทำให้ประเทศชาติดีขึ้นเราก็ควรจะร่วมมือกัน อยากเห็นผลสัมฤทธิ์ของการแก้ปัญหามากกว่าเราไปดึงเล่นเกมการเมืองกัน ซึ่งรัฐรรมนูญฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาอยู่ เราจึงควรร่วมมือกันทำให้เกิดเป็นฉันทามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญแล้วทำให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไขเราร่วมจะร่วมมือกับทุกฝ่าย

ด้านนายสงคราม กล่าวว่า ที่ 7 พรรคฝ่ายคร้านร่วมมือกันได้ เพราะเรามีความจริงใจต่อกัน และพวกราไม่คุยกันเรื่องผลประโยชน์ว่าใครจะได้ หรือใครจะเป็นอะไรดังนั้นใครจะมาร่วมกับเราก็ได้ถ้ามีอุดมการณ์เดียวกัน ตรงนี้ไม่ใช่มาต่อรองเรื่องผลประโยชน์หรือตำแหน่ง.