"บิ๊กตู่"สังกัดพปชร.แล้วจ่อนั่งหัวหน้าส.ค."ณัฏฐพล"ผงาดเลขาฯ

"บิ๊กตู่"สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว เตรียมนั่ง"หัวหน้า เดือนส.ค."บิ๊กป้อม"ประธานที่ปรึกษา "ณัฏฐพล"ขึ้นเลขาฯ

แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมแถลงนโยบายรัฐบาลแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.ทันที โดยจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดวันที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

" พล.อ.ประยุทธ์ ได้เขียนใบสมัครสมาชิกพรรค พปชร.แล้ว โดยมอบให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นำไปยื่นสมัครเป็นสมาชิกแบบตลอดชีพ จ่ายค่าสมัคร 2,000 บาท ซึ่งเบื้องต้นจะแถลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคในเดือนส.ค.นี้" แหล่งข่าว ระบุ

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ในส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพปชร.ด้วย ซึ่งเบื้องต้นจะมานั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ในขณะที่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ จะเป็นเลขาธิการพรรค นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค จะเป็นที่ปรึกษาพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์ เลขาธิการพรรค จะเป็นรองหัวหน้าพรรค

แหล่งข่าว กล่าวว่า การให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นหัวหน้าพรรค และพล.อ.ประวิตร มาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค  เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพภายในพรรค ที่ขณะนี้ยังมีความไม่ลงรอยกัน กรณีกลุ่มสามมิตร กับกลุ่มนายณัฎฐพล ทำให้การบริหารจัดการภายในพรรคมีปัญหามาก อย่างล่าสุด เรื่องการให้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่เป็นรัฐมนตรีลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีรายชื่อถัดไปขยับขึ้นมาเป็นส.ส. แต่ปรากฎว่ากลุ่มสามมิตร ไม่ยอม ทำให้แนวคิดดังกล่าวตกไป รวมถึงแนวคิดที่จะห้ามไม่ให้ส.ส.ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหารในส่วน ที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี และผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ที่อาจมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งกลุ่มสามมิตร ก็ไม่ยอมเช่นกัน

สำหรับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่เป็นรัฐมนตรีประกอบด้วย นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์  รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง

" หาก พล.อ.ประยุทธ์ มานั่งเป็นหัวหน้าพรรค ทุกอย่างจะได้ไม่มีปัญหา  ทุกคนทุกฝ่ายในพรรคจะได้เกรงใจ การขับเคลื่อนในพรรคจะได้เป็นเอกภาพเพราะในขณะนี้เหมือนต่างคนต่างอยู่ ไม่มีใครมีอำนาจสูงสุด ซึ่งอันตรายต่อเสียงปริ่มน้ำ รวมถึงจะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเห็นถึงความตั้งใจของพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ในการที่จะเดินหน้าทางการเมืองต่อไปอีกด้วย" แหล่งข่าวกล่าว