posttoday

"ปลอดประสพ"จี้รัฐบาลบอกความจริงเรื่องภัยแล้ง-หาทางช่วยราษฎร

15 กรกฎาคม 2562

"ปลอดประสพ" จี้รัฐบาลเปิดเผยความจริงเรื่องภัยแล้ง ชี้เกษตรกรเผชิญภาวะขาดฝนแห้งแล้งหนัก แนะเร่งหาทางช่วยเหลือ

"ปลอดประสพ" จี้รัฐบาลเปิดเผยความจริงเรื่องภัยแล้ง ชี้เกษตรกรเผชิญภาวะขาดฝนแห้งแล้งหนัก แนะเร่งหาทางช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 62 นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยความจริงเรื่องภัยแล้งพร้อมหาทางช่วยประชาชน โดยมีเนื้อหาดังนี้

เมื่อแล้งก็บอกความจริงและหาทางช่วยเขาเถิดครับ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ได้ขอให้ร่วมเดินทางไปเยี่ยมราษฎรที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เพราะราษฎรร้องเรียนว่าขาดฝนแห้งเเล้งเหลือเกิน ทนไม่ไหวแล้ว (คือจนจะตายอยู่แล้ว)

เมื่อไปถึงราษฎรก็บอกว่าปลูกข้าวไป 3 เที่ยวแล้ว ตายหมดเพราะขาดน้ำ ขนาดบางรายปลูกมันสำปะหลัง พืชทนแล้งแท้ๆยังตายเลย ยกเว้นอ้อยปลูกได้ แต่ราคามีแต่ขาดทุน

จากนั้นไปที่เขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งผมคุ้นเคยมาก เพราะเคยมาทำงานเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ตั้งแต่เพิ่งเสร็จใหม่ๆ นักวิชาการบรรยายว่า น้ำเหลืออยู่ 23% โดยมีน้ำเหลือใช้อยู่แค่ 100 ล้านลูกบากศ์เมตร จากนั้นก็บรรยายว่า เดือนหน้าฝนจะตกหนักกำลังทำแผนรองรับน้ำท่วม ผมจึงเตือนไปว่า อยากรู้เรื่องน้ำแล้งมากกว่า เพราะราษฎรกำลังเดือดร้อนหนัก ไม่กลัวน้ำมากหรอก แอบรู้มาว่าคำบรรยายแบบนี้มีความจำเป็น เพราะรัฐบาลชอบฟัง ขืนไปบรรยายความเดือดร้อนแบบหมดทางแก้ ผู้พูดอาจมีโทษได้

ด้วยความรู้และประสบการณ์ ผมมั่นใจว่าปีนี้ประเทศไทย จะเผชิญกับภาวะเอลนีโญ (El Niño) ที่รุนแรงอีกครั้ง อุณหภูมิจะสูงมากกว่าปกติ (ตอนนี้ก็ร้อนมากแล้ว) และจะแห้งแล้งด้วยขาดฝนอย่างสุดๆ นักวิชาการส่วนใหญ่ก็คิดเหมือนกับผม แต่เขาไม่กล้าพูด เพราะถูกย้ายถูกลงโทษ การพูดให้กำลังใจไปวันๆมีแต่ทำร้ายราษฎร ที่เขาขาดองค์ความรู้ อยู่ด้วยความหวังจากลมปาก (ดีแต่พูด)

ผมอยากแนะนำว่าควรทำฝนเทียมนะตอนนี้ อย่าไปเน้นการเพิ่มน้ำในเขื่อนเลย เพราะเพิ่มได้เพียงเล็กน้อยแต่ระบายออกไม่ได้ ทำฝนกระจายไปตามบริเวณที่ราษฎรเพิ่งปลูกพืชดีกว่า ได้นิดได้หน่อยก็ถือเป็นการยืดชีวิต ไปได้อีกเป็นอาทิตย์เป็นวัน พื้นที่ไหนไม่ไหวก็บอกเขาไปตรงๆ อย่าให้เขาเสี่ยงแบบตายแน่ๆเลย ส่วนในภายภาคหน้านั้น สำหรับอีสานต้องหาทางเพิ่มน้ำต้นทุนให้ได้ เช่น จากการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำหรือจากต่างประเทศ ต้องสงวนน้ำอย่างถึงที่สุด อย่าปล่อยลงน้ำโขงไปดื้อๆ เช่น กรณีเขื่อนปากมูล ต้องใจแข็งไม่ใช่เปิดอ้าซ่าทิ้งน้ำเสียเฉยๆ

สำหรับน้ำใต้ดินต้องน้ำมาใช้อย่างเป็นระบบ โดยพยายามทำเป็นระบบกลางจะได้ควบคุมได้ ไม่ใช่ทุกคนมีของตนเองแบบเดี๋ยวนี้ ส่วนฝายที่กั้นน้ำชีอยู่นั้นต้องติดตั้งระบบสูบกลับทุกเขื่อน การใช้น้ำจึงจะมีประสิทธิภาพ

ที่แนะนำมานี้เพราะเห็นกับราษฎร เพราะดูเหมือนท่านประธานกรรมการน้ำแห่งชาติอาจจะคิดไม่เป็น อย่าดื้อ อย่าอวดดีเลยครับท่าน คนเราจะรู้ทุกเรื่องไม่ได้ ไอ้ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ นักวิชาการและผู้ปฏิบัติการเขารู้เหมือนๆผมทั้งนั้น ไอ้ที่ไม่รู้หรือแกล้งโง่น่ะ ดูเหมือนจะเป็นนักทำ IO เหล่านี้ละครับ

ขอแถมนิดครับ ราษฎรเขาฝากมาบอกพวกท่านว่า ไปเสียเวลาพูดเรื่องแต่งตั้งทำไม มาหารือหาทางแก้ไขปัญหาราษฎรไม่ดีกว่าหรือ ส่วนหนังสือที่ท่านแนะนำให้อ่านเขาไม่มีเงินซื้อ เพราะตอนนี้ชาวนาต้องซื้อข้าวกินแล้ว (ซวยจริงๆประเทศไทยของผมนี่)