posttoday

"หยุดเอาเรื่องบุญคุณมาลำเลิกเสียที" วีระลั่น ประวิตร-ประยุทธ์ ไม่ได้ช่วยหลังถูกกัมพูชาจับ

23 มิถุนายน 2562

"วีระ"ลั่น "ประวิตร-ประยุทธ์" ไม่ได้ช่วยเหลือเมื่อครั้งถูกกัมพูชาจับตัว ระบุหยุดเอาเรื่องบุญคุณมาลำเลิกอย่างไม่จบไม่สิ้นเสียที

"วีระ"ลั่น "ประวิตร-ประยุทธ์" ไม่ได้ช่วยเหลือเมื่อครั้งถูกกัมพูชาจับตัว ระบุหยุดเอาเรื่องบุญคุณมาลำเลิกอย่างไม่จบไม่สิ้นเสียที

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 62 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "หยุดเอาเรื่องบุญคุณมาลำเลิกกับผมอย่างไม่จบไม่สิ้นเสียที" โดยมีเนื้อหาดังนี้

ต้องบอกว่าประวิตรและประยุทธ์ ไม่ช่วยผม เมื่อครั้งที่ผมถูกทหารเขมรจับไปขังคุกเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2553 จะถูกต้องกว่า ในขณะนั้น พล.อ.ประวิตร เป็นรองนายกควบตำแหน่งรมต.กลาโหม แทนที่จะช่วยผมออกมาทันที กลับบีบให้ผมยอมรับว่าได้เดินหลงเข้าไปในดินแดนเขมร 55 เมตร เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ทั้งที่ผมกับคณะยังอยู่บนแผ่นดินไทย

ส่วนประยุทธ์เป็นผบ.ทบ.ในขณะนั้น มีอำนาจหน้าที่เต็มในการดูแลปกป้องอธิปไตยบนผืนแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว แต่ยอมให้ทหารเขมรเข้ามาจับคนไทยในเขตแดนประเทศไทยไปดำเนินคดี และยอมให้เขมรยัดข้อหาว่าผมและคุณราตรีเข้าไปจารกรรมความลับทางทหารเขมรให้กับประเทศไทย ประวิตรและประยุทธ์ต่างรู้กันดีว่าผมและคุณราตรีไม่ได้ทำงานเป็นสายลับให้กับกองทัพหรือหน่วยงานใดของรัฐไทย แต่ไม่ยอมออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของเขมร กลับนิ่งเงียบกับข้อกล่าวหานั้น

การนิ่งเฉยเสียดังกล่าวจึงทำให้คนทั้งโลกเข้าใจผิด ว่าผมและคุณราตรีเป็นสายลับจริง จึงถูกศาลเขมรลงโทษว่าเป็นสายลับเข้าไปทำจารกรรม หากไม่มีข้อหานี้ผมและคุณราตรีจะถูกลงโทษเพียงข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ซึ่งสามารถรอการลงอาญา และได้รับการปล่อยตัวกลับมาเหมือนคุณพนิช คุณแซมดิน และคนอื่นๆที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาก่อนหน้านี้ ดังนั้น จึงมีผมและคุณราตรีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ถูกข้อหาจารกรรมความลับทางทหาร

สาเหตุที่เราทั้งสองถูกยัดข้อหานี้ เนื่องมาจากเราทั้งสองให้การยืนยันในชั้นการสอบสวนของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของเขมร ในชั้นอัยการ และยืนยันในการพิจารณาคดีในศาลเขมรวันที่ 1 ก.พ. 2554 ว่าพวกเรายังอยู่ในเขตแผ่นดินไทย ทหารเขมรนั่นแหละที่เป็นฝ่ายผิด เพราะนำกำลังพร้อมอาวุธสงครามเข้ามาละเมิดอธิปไตยของไทย ด้วยการยืนยันอย่างตรงไปตรงมาและอย่างเด็ดเดี่ยวนี่แหละ ที่ทำให้เขมรไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงหาเรื่องยัดข้อหาว่าเป็นสายลับเพื่อเพิ่มโทษให้มีโทษหนัก จะได้ไม่สามารถรอการลงอาญาเหมือนคนไทยอีก 5 คนที่เข้าไปพร้อมกัน มีที่ไหนในโลกหากเข้าไปทำความผิดด้วยกันพร้อมกัน แต่กลับถูกเลือกยัดข้อหาต่างกัน

ในคณะที่ถูกจับทั้ง7 คนมีเพียงนายพนิช วิกฤติเศรษฐ์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นส.ส. เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเพื่อนสนิทของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สมควรจะถูกกล่าวหาว่าเข้าไปจารกรรมความลับมากกว่าคนอื่นๆ แต่นายพนิช กลับได้รับการปล่อยตัวออกมาเป็นคนแรกโดยติดคุกเพียง 12 วันเท่านั้น

ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงคือความจริง จงหยุดเอาเรื่องประยุทธ์มีบุญคุณช่วยเหลือผมมาลำเลิกกับผมอีกต่อไป หากถึงแม้ประยุทธ์จะมีส่วนช่วยเหลือผมจริง มันก็เป็นอำนาจหน้าที่ของเขาในฐานะหัวหน้า คสช. ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ การช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับโทษอย่างไม่ยุติธรรมในต่างแดน จึงเป็นเรื่องที่สมควรทำอย่างยิ่ง ไม่สมควรมาทวงบุญคุณอย่างไม่จบสิ้น โดยเฉพาะจะให้ผมหยุดตรวจสอบการทำหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตของพวกเขา โดยอ้างเอาบุญคุณมาลำเลิกกับผมเช่นนี้ ผมไม่สามารถยอมรับได้ ตอนที่ผมถูกจับไม่ช่วยแล้ว ยังช่วยถีบผมส่งให้ฮุนเซนเอาไปทรมานให้เน่าตายในคุก แล้วยังจะมีหน้ามาลำเลิกทวงบุญคุณกับผมอีกหรือ

หากพวกเขาไม่ได้ทำความผิดตามที่ผมตรวจสอบ จะต้องกลัวอะไรกับการตรวจสอบของผม หากผมกล่าวหาเขาเรื่องไม่จริง เขาก็สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายกับผมได้ทันที ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องบุญคุณมาลำเลิกกับผมอย่างไม่รู้จบเช่นนี้

ผลประโยชน์ของชาติต้องอยู่เหนือผลประโยชน์ส่วนตัว ผมยอมให้คนไทยบางคนเข้าใจผิดว่าผมเนรคุณประยุทธ์ แต่ผมจะไม่ยอมให้คนไทยประนามว่าผมเนรคุณแผ่นดินไทยอย่างเด็ดขาด ถึงผมจะต้องตายก็ยอม