posttoday

ส่อวุ่น!!แกนนำ ส.ส.อีสานพปชร.โวย ผู้ใหญ่ไม่ดูแล จี้ จัดสรรโควต้ารมต.

15 มิถุนายน 2562

แกนนำ ส.ส.อีสาน พรรคพลังประชารัฐ โวย ผู้ใหญ่ในพรรคไม่ดูแล จี้ ผู้ใหญ่ จัดสรรโควต้า รัฐมนตรีให้กับกลุ่ม ส.ส.ภาคอีสาน ขู่ ทบทวนบทบาทในพรรค

แกนนำ ส.ส.อีสาน พรรคพลังประชารัฐ โวย ผู้ใหญ่ในพรรคไม่ดูแล จี้ ผู้ใหญ่ จัดสรรโควต้า รัฐมนตรีให้กับกลุ่ม ส.ส.ภาคอีสาน ขู่ ทบทวนบทบาทในพรรค

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 มิ.ย.2562 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ จ.ขอนแก่น ตรงข้ามศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ถ.ศรีจันทร์ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ ต่อสื่อมวลชน ที่ จ.ขอนแก่น ว่า ขณะนี้กลุ่ม ส.ส.อีสาน ทุกคนล้วนกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการที่พรรคจัดสรรตำแหน่งต่างๆให้ ส.ส.ของพรรค ถึงขั้นกลัวว่าจะถูกลอยแพ ของกลุ่ม สส.ในภาคอีสาน จน ไม่มีบทบาทในการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคใดๆ

"เรามีการพูดคุยไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ให้อยู่เฉยๆทางผู้ใหญ่จะดูแลและจะดูแลให้อย่างทั่วถึง มีความเป็นธรรม แต่วันนี้ ที่เราสังเกตดู คนที่อยู่เฉยๆมักจะเป็นสุภาพบุรุษหรือ ส.ส.ตลาดล่าง ไม่ได้รับการดูแล แต่คนที่ไปจี้เช้าถึงเย็นถึงจะได้รับการดูแล วันนี้กลุ่ม ส.ส.อีสาน มองว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรมในการจัดสรรตำแหน่งที่ ที่จะดูแลพี่น้องประชาชนในภาคอีสานตอนบน ซึ่งภาคอีสานมี 20 จังหวัด แต่ได้รับการดูแลเฉพาะที่ จ.นครราชสีมา มันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรจะให้ความเป็นธรรมจัดสรรกันอย่างทั่วถึงด้วย" นายเอกราช กล่าว

นายเอกราช กล่าวต่ออีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารของพรรค มีความมุ่งมั่นชัดเจน โดยยืนยันในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคที่จะต้องมีอยู่ทุกภาค แม้แต่ภาคอีสานมีเสียง 2 คนก็ต้องมีรัฐมนตรี 1 คน เพื่อที่จะขับเคลื่อนนโยบายของพรรค แต่ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐเราไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้บริหารพรรคอย่างที่ควร จึงอยากจะสื่อไปถึงผู้บริหารให้ดูแลและให้ความเป็นธรรมอย่างทั่วถึงด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นกลุ่ม ส.ส.ภาคอีสาน จะหารือกันและทบทวน การทำงานร่วมกับพรรคพลังประชารัฐต่อไป

ส่อวุ่น!!แกนนำ ส.ส.อีสานพปชร.โวย ผู้ใหญ่ไม่ดูแล จี้ จัดสรรโควต้ารมต.

"คงไม่ใช่การลาออก ส่วนจะทำอย่างไรเรา จะวางมาตรการ พวกเราใน 20 จังหวัด จะมาคุยกัน แล้วก็จะมีมติร่วมกันว่าเราจะขับเคลื่อนไปในแนวทางที่พวกเราเห็นสมควร อาจจะไม่เป็นไปตามมติของพรรคก็ได้ ส.ส.ทุกคนไม่ใช่เด็กเราเป็นผู้ใหญ่ ทุกคนอาสาเข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ทุกคนต้องการขับเคลื่อนการพัฒนาจะดูแลพี่น้องประชาชน แต่ถึงเวลาหลังเลือกตั้งกับกลายเป็นว่าการรับปากของเรามันไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนไปได้ ถ้าหากว่าเราไม่ได้เข้าไปบริหารงานในฐานะคณะบริหารของรัฐบาล เพราะถ้า เป็น ส.ส.อย่างเดียว เราจะขับเคลื่อนไปลำบาก ประชาชนจะเกิดความผิดหวังและที่สุดท้ายขับเคลื่อนของพรรคพลังประชารัฐ ก็จะติดขัดแล้วก็จะสะดุด และอาจจะถึงจุดที่อาจบอกว่าไม่ต้องเดินต่อในภาคอีสาน" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าว

นายเอกราช กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาลเกือบเรียบร้อยแล้ว 90 % ส.ส.อีสาน ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายการจัดสรรตำแหน่งหรือเรียกร้อง ทุกคนอยู่นิ่งๆเพื่อให้ผู้ใหญ่สบายใจไม่ต้องอึดอัดในการที่จะจัดสรรตำแหน่งด้วยความเหมาะสม เพราะคิดว่าผู้ใหญ่ของพรรคต้องให้ความเป็นธรรมอย่างทั่วถึง แต่พอฟังและนิ่งมาจนถึงนาทีสุดท้าย ทุกคนรู้สึกว่าจะไม่ได้รับการเหลียวแล จึงต้องออกมาเรียกร้องกับผู้ใหญ่ว่า ควรจะดูแลให้ทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อที่จะขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐไปข้างหน้าร่วมกันได้


" เราต้องการเข้าไปเป็นคณะบริหารร่วมกับ ครม. ส่วนด้านไหนเป็นอำนาจของผู้หลักผู้ใหญ่ในการที่จะพิจารณาความเหมาะสม เราไม่ได้เรียกร้องต้องได้อย่างนั้นอย่างนี้ แต่มันควรจะมีส่วนในการที่จะเข้าไปขับเคลื่อนนโยบายของพรรค เพื่อตอบสนองการพัฒนาจังหวัดในภาคอีสานตอนบนเพราะเพียงแค่การเป็น ส.ส. ไม่สามารถที่จะไปขับเคลื่อน ในเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณได้ เพราะมันขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (2) มันจะผิด ถ้าเราจะขับเคลื่อน ไปจัดสรร ไปเสนองบประมาณ เพราะถ้าหากว่าเราไม่มีส่วนที่จะไปบริหาร งบประมาณในฐานะผู้บริหารร่วมกับรัฐบาลแล้ว โอกาสที่จะตอบสนองต่อการดูแลพี่น้องประชาชนมันเลือนลาง พี่น้องแทบจะไม่ได้รับอะไรเลย และพรรคพลังประชารัฐก็จะกลายเป็นพรรค พูดแล้วไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามได้ อยากให้ผู้ใหญ่เข้าใจด้วยว่าเราเป็นเจ้าของพื้นที่ ที่ติดต่อกับพี่น้องประชาชนตลอด เราทราบถึงความต้องการและเข้าใจพี่น้อง เราจึงเรียกร้องว่าภาคอีสานตอนบน ก็ควรจะมีส่วนในการที่จะเข้าไปขับเคลื่อนร่วมกับภาคอื่นๆอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง"

นายเอกราช กล่าวในที่สุดว่า ส.ส.อีสาน ไม่ได้เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เราอยากเป็นคณะผู้บริหาร แค่ 2 คนก็พอแล้ว เพราะตามโพลต่างๆ โคราชได้แล้ว แต่ศูนย์ขอนแก่นกับอุบลรวมกันทั้งหมด 1,364,761 คะแนน ถ้าคิดกันเป็นสัดส่วน 7,1000 คะแนนต่อ 1 คน เราได้ ส.ส.ถึง 19 คน ไม่ได้แพ้ภาคอื่นไม่ได้แพ้จังหวัดอื่น เพราะฉะนั้นปาร์ตี้ลิสต์ตั้งแต่ลำดับ1ถึง16 คือคะแนนที่ไปจากภาคอีสาน