posttoday

"ไม่ยับยั้งความเสี่ยง"ศาลสั่งจำคุกทักษิณ2ปีคดีทุจริตหวยบนดิน

06 มิถุนายน 2562

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯนักการเมืองพิพากษาจำคุกทักษิณจำเลยที่1เป็นเวลา2ปีคดีทุจริตหวยบนดินและให้ออกหมายจับมาบังคับคดีตามกม.

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯนักการเมืองพิพากษาจำคุกทักษิณจำเลยที่1เป็นเวลา2ปีคดีทุจริตหวยบนดินและให้ออกหมายจับมาบังคับคดีตามกม.

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายสบโชค สุขารมณ์ อดีตประธานศาลฎีกา พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย คดีออกโครงการสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว หรือหวยบนดินในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร คดีหมายเลขดํา อม.1/2551 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อายุ 70 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 152, 153, 154 ,157 ประกอบมาตรา 83, 84, 86, 90, 91 ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 4, 8, 9, 10 ,11 กรณีถูกกล่าวหาร่วมกลุ่มรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ 2 ปี 2549 และอดีตผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวม 47 คนดำเนินโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) ตั้งแต่งวดวันที่ 1 ส.ค. 2546 – 16 ก.ย. 2549 โดยมิชอบ

โดยเมื่อปี 2561 ป.ป.ช.โจทก์ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลนำคดีนี้ซึ่งยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 2551 แต่ศาลสั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว เนื่องจากจำเลยหลบหนีโดยออกหมายจับแล้วยังไม่ได้ตัวมา จึงให้นำขึ้นมาพิจารณาใหม่ หลังจากปี 2560 มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ฉบับใหม่ ซึ่งเมื่อเริ่มพิจารณาคดีใหม่ นายทักษิณไม่มาศาลและไม่ตั้งทนายความเข้ามาไต่สวนพยานสู้คดี โดยศาลได้ไต่สวนพยานฝ่าย ป.ป.ช.โจทก์แล้ว

ศาลพิเคราะห์แล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า วัตถุประสงค์การออกสลากกินแบ่ง เพื่อหาเงินรายได้เข้ารัฐ โดยก่อนการจำหน่ายสลากหวยบนดินมีการศึกษาข้อกฎหมายและผลกระทบทางสังคมแล้ว ได้ทักท้วงจำเลยที่ 1 ให้ทราบว่าการออกสลากหวยบนดินอาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย แต่จำเลยที่ 1 ไม่ยับยั้งความเสี่ยง ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้สั่งการให้จำเลยที่ 10 รมช.คลัง (ขณะนั้น) และ จำเลยที่ 42 ผอ.กองสลาก (ขณะนั้น) เร่งดำเนินการออกสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว โดยไม่ต้องรอเครื่องพิมพ์สลาก แสดงว่าจำเลยที่ 1 ต้องการออกสลากหวยบนดินโดยไม่คำนึงถึงวัตถุประสงค์ของกองสลาก และไม่แก้ไขข้อกฎหมายก่อน เข้าลักษณะเป็นเจ้ามือรับกินใช้ ซึ่งมีเงื่อนไขเดียวกับหวยใต้ดิน เป็นการพนันขันต่อให้มัวเมาประชาชน ทั้งการนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีก็เข้าสู่วาระจรเป็นเหตุให้ ครม.อนุมัติ โดยเข้าใจว่าเป็นการกระทำโดยชอบตามกฎหมาย

แม้การออกสลากหวยบนดินจะมีรายได้ 123,339,890,730 บาท แต่มีผลขาดทุน 7 งวด จำนวน 1,668,192,060 บาท นอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า กองสลากได้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารออมสินประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินสำรอง แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีความเสี่ยง แต่ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงเหมือนขั้นตอนการออกสลากอย่างที่เคยเป็นมา การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในการดำเนินโครงการออกสลากพิเศษฯ ที่ร่วมกับจำเลยที่ 10 และ 42 ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาไปแล้ว แต่ไม่ปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดอื่นตามมาตรา 153, 147, 152

องค์คณะฯ มีมติเสียงข้างมาก พิพากษาจำคุกนายทักษิณ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี และให้ออกหมายจับจำเลยมาบังคับคดีตามคำพิพากษา

ด้าน นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผอ.สำนักคดี ป.ป.ช. เปิดเผยว่า วันนี้ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปีนายทักษิณ คดีหวยบนดิน 2 ตัวและ 3 ตัว ซึ่งคดีนี้ ป.ป.ช.ฟ้องขอให้ศาลลงโทษหลายมาตรา แต่มีบางมาตราที่ศาลเห็นว่าไม่เป็นความผิด ดังนั้นจะได้นำผลคำพิพากษาไปแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาว่าพอใจผลคำพากษาหรือจะอุทธรณ์เพื่อให้ศาลลงโทษในฐานความผิดอื่นด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้นับเป็นคดีที่ 2 ที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาตัดสินจำคุกนายทักษิณในปี 2562 ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีโดยไม่มีตัวจำเลยตามกฎหมายใหม่ โดยก่อนหน้านี้เมื่ิอวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาให้จำคุกนายทักษิณเป็นเวลา 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 กรณีอนุมัติให้กู้ยืมเงินเพิ่มเติมแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ประมาณ 1,000 ล้านบาทผ่าน Exim Bank ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าทุน นอกเหนือจากกรอบเจรจาปฏิญญาพุกาม เพื่อประโยชน์แก่ บมจ.ชิน แซทเทิลไลท์ ที่ตนเองและครอบครัวถือหุ้น ซึ่งให้ออกหมายจับจำเลยมาบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ต่อไป

ขณะที่คดีหวยบนดินนั้น ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องจำเลยรวมทั้งสิ้น 47 ราย โดยก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาฯ เคยมีคำพิพากษาในส่วนของกลุ่มคณะรัฐมนตรีไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2552 โดยตัดสินว่าให้จำคุกนายวราเทพ รัตนากร รมช.คลัง จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 2 ปีปรับ 20,000 บาท, นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัด ก.คลัง และประธานบอร์ดกองสลากฯ จำเลยที่ 31 จำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท ตาม ป.อาญา ม.157, 83 และนายชัยวัฒน์ พสกภักดี ผอ.กองสลาก จำเลยที่ 42 กระทำผิด ป.อาญา ม.157, 86 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐฯ ม.11 เป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดฯ อันเป็นบทหนักสุดตาม ป.อาญา ม.90 ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยทั้งสามไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ประกอบกับพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามไว้คนละ 2 ปี ส่วนจำเลยอื่นใน ครม.นั้น ศาลฎีกาฯ พิพากษายกฟ้อง ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว.