posttoday

"เจิมศักดิ์"ร่อนจดหมายถึง"ชวน"อย่าหนุนบิ๊กตู่นั่งนายกฯ

02 มิถุนายน 2562

"เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง" ร่อนจดหมายถึง "ชวน หลีกภัย" วอนอย่าเรรวนไปหนุนบิ๊กตู่นั่งนายกฯให้คิดถึงสังคมในระยะยาว พร้อมเสนอทางออกเป็นฝ่ายอิสระ 53 เสียงในสภาฯ

"เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง" ร่อนจดหมายถึง "ชวน หลีกภัย" วอนอย่าเรรวนไปหนุนบิ๊กตู่นั่งนายกฯให้คิดถึงสังคมในระยะยาว พร้อมเสนอทางออกเป็นฝ่ายอิสระ 53 เสียงในสภาฯ

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้เขียนจดหมายถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า วันที่5 มิ.ย.ประเทศเราจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนไม่มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไรเราก็จะได้รัฐบาลที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ดี หากพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคภูมิใจไทยไม่ยกมือก็อาจจะมี คนของพรรคการเมืองอื่นๆ( งูเห่า ) ยกมือสนับสนุน เพราะรัฐธรรมนูญก็ได้เปิดช่องให้ ส.ส.มีอิสระหลุดจากการควบคุมของมติพรรค

แม้รัฐธรรมนูญจะระบุให้ผู้จะเป็นนายกฯ จะต้องได้เสียงข้างมากของ 2 สภารวมกัน แต่ก็ออกแบบให้ที่มาของ ส.ว.มาจากการคัดสรรของ คสช.ที่มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้า คสช. เพื่อให้ ส.ว.มาเลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไปจะมีความยากลำบากอยู่บ้าง ก็คือ ผู้ที่จะเป็นนายกฯ จะต้องได้คะแนนสนับสนุนเกินครึ่งหนึ่งของเฉพาะสภาผู้แทนฯด้วย คือ ต้องได้รับเสียงสนับสนุน 251 เสียงจากสภาผู้แทนฯ ก็เป็นที่คาดหมายกันว่า ส.ส.(งูเห่า) จากพรรคอื่นๆ คงจะมีมาเลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอยู่แล้ว หากคะแนนเสียงของพล.อ.ประยุทธ์ในสภาได้น้อยกว่า 251 คะแนน ก็ไม่ต้องกังวลอะไร คนอื่นที่ได้รับการเสนอชื่อแข่งขัน ก็คงจะไม่มีโอกาสจะได้คะแนนเกิน 375 เสียง ของ 2 สภารวมกัน เพราะจะไม่ได้เสียงสมาชิกวุฒิสภาที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้แต่งตั้ง

หากเกิดเหตุเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 มิ.ย.ไม่ได้คนเป็นนายกฯ เพราะเสียงไม่พอ พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป มีอำนาจเต็มปฏิบัติหน้าที่ได้เหมือนเป็นนายกฯในรัฐบาลปกติ แถมยังมีอำนาจตามมาตรา 44 ที่เป็นอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกด้วย และหากอนาคตมีปัญหาในเรื่องเสถียรภาพ พล.อ.ประยุทธ์ก็มีอำนาจยุบสภาตามมาตรา 44 หรือจะลาออกเพื่อให้คนอื่นเป็นนายกฯ ทั้งในบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอชื่อหรือบุคคลนอกบัญชีก็ได้ เพราะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 60 ได้เตรียมช่องทางพิเศษให้คนนอกเข้ามาเป็นนายกฯได้อยู่แล้ว และเวลานั้นการแสวงหารวบรวมพรรคอื่นมาร่วมรัฐบาลอาจจะกระทำได้ง่ายกว่าอีกด้วย

“ท่านชวนและพรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องรวนเรไปสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้เปรียบจากกฎกติกาตามรัฐธรรมนูญอย่างมากอยู่แล้ว การที่คุณชวนได้คะแนนสนับสนุนจาก พรรคพลังประชารัฐและพรรคแนวร่วมก็เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ท่านสามารถทำหน้าที่เป็นกลางที่อิสระได้อย่างจริงจัง ไม่ต้องเอนเอียงไปในทางใด ซึ่งก็เชื่อว่าท่านก็คงเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีก 52 คน ก็ไม่จำเป็นต้องสับสน รวนเร ตอบแทนบุญคุณ และในความเป็นจริงบุญคุณที่ใช้ในระบบอุปถัมภ์ก็ไม่สมควรแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในสภาของประเทศที่ต้องคิดถึงประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก”

ส่วนกลุ่มคนที่พยายามกดดัน ดุด่าประชาธิปัตย์หากไม่เข้าร่วมกับ พปชร. และสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มองลึกลงไปเขาต้องการให้ประชาธิปัตย์เสริมเป็นฐานให้พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจเป็นนายกฯต่อ เขาให้น้ำหนักกับประโยชน์เฉพาะหน้าที่กลัวการสืบทอดอำนาจทุนของอีกฝ่ายจะกลับมา และปักใจคิดว่าเผด็จการโดยปืนดีกว่าเผด็จการโดยทุน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่งก็คงอยากได้ อยากมีตำแหน่งในรัฐบาลตามความคิดพื้นฐานของคนไทยทั่วไป ก็พยายามผลักและดันให้สนับสนุนผู้ที่มาจากรัฐประหารให้เป็นนายกฯต่อไป

สำหรับ ข้ออ้างที่ว่า ถ้าเข้าร่วมจะได้มีอำนาจ ดำเนินงานตามนโยบายของพรรค ทั้งๆที่รู้ว่า ด้วยจำนวน ส.ส. 53 คน รัฐมนตรีจำนวนน้อยนิดจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งกว่านั้นยังขู่ด้วยว่า ถ้าไม่ร่วมรัฐบาลสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เลือกตั้งครั้งหน้าประชาธิปัตย์จะสูญพันธุ์ นานชวน และพรรคประชาธิปัตย์ คิดถูกแล้ว ที่อาสาเป็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ ออกกฎหมาย ควบคุม ตรวจสอบฝ่ายบริหาร หาก ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์จะยึดหลักการแนวทางเดียวกับนายชวนคือ เป็นกลาง เป็นอิสระจากข้อผูกพันของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายสนับสนุนอิสระ หากฝ่ายบริหารคือรัฐบาลทำดีทำประโยชน์ให้ประเทศก็สนับสนุน แต่หากฝ่ายรัฐบาลดำเนินการไม่ถูกต้อง ก็ต้องท้วงติง คัดค้าน และไม่ไว้วางใจได้
“การเป็นฝ่ายค้านฝ่ายสนับสนุนอิสระ อาจประกาศสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลได้ และอาจจะประกาศสนับสนุน พ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดินเพื่อใช้บริหารประเทศได้ แต่ญัตติในเรื่องอื่นๆ ก็พิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ดีก็สนับสนุน ไม่ดีก็คัดค้านไม่ต้องผูกมัดเข้าร่วมรัฐบาลอย่างมีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งต้องคำนึงถึงมารยาทในการร่วมรัฐบาล มติพรรค และประโยชน์ของประเทศ ซึ่งหลายกรณีจะขัดแย้งกันและมักจะให้น้ำหนักกับมารยาทในการร่วมรัฐบาลมากกว่า”

นายเจิมศักดิ์ ระบุอีกว่า หาก ส.ส.53 คน ของพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นฐานของความเป็นอิสระ เป็นกลางทางการเมืองมากกว่าเข้าร่วมเป็นฐานให้กับพลเอกประยุทธ์ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะต้องเกรงใจ คอยฟังท่าทีว่าจะเอาอย่างไร ก็ต้องเสียสละความอยากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล และหากเป็นกลาง เป็นฝ่ายอิสระที่ดี ประชาชนก็จะไม่ลืมบทบาทในอนาคตพรรคก็จะเป็นพรรคอุดมการณ์ที่ไม่ร่วมแสวงหาอำนาจกับทุน หรือไม่แสวงหาอำนาจกับปืน และคงเป็นสถาบันทางการเมืองที่เก่าแก่มั่นคงต่อไป

“ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจเป็นการส่วนตัวหรือคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นคนไม่ดี การที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีเนื่องจากการยึดอำนาจ ผมรับได้มากกว่ากับการที่จะเป็นนายกต่อโดยซ่อนรูปประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง มีรัฐสภาแต่เต็มไปด้วยหมากกลที่ซ่อนเงื่อน เข้าสู่อำนาจโดยอ้างประชาธิปไตย หากพรรคประชาธิปัตย์รู้แต่เข้าร่วมรัฐบาลซ่อนเงื่อน จะไม่ต่างกับพรรคที่ประชาชนมองว่าทำการเมืองเพื่อแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ อยากให้มีพรรคการเมืองที่ยึดอุดมการณ์ เป็นหลักให้กับสังคมระยะยาว ซึ่งความคิดเห็นทั้งหมดนี้ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์คงตระหนักดีอยู่แล้ว" นายเจิมศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงาน จดหมายเปิดผนึกของนายเจิมศักดิ์ ที่สื่อสารไปยังนายชวนได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ ซึ่งมีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง