posttoday

คำเบิกความ'ตู่-เต้น' ปิดท้ายคดีก่อการร้ายนปช.

26 เมษายน 2562

"จตุพร"ปัดสั่งเผาเมืองเชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์"ณัฐวุฒิ"ยันตัดต่อคลิปอ้างคนละเหตุการณ์ชี้เคยจัดรายการทีวีสภาโจ๊ก ชอบกล่าวล้อเลียนการเมือง

"จตุพร"ปัดสั่งเผาเมืองเชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์"ณัฐวุฒิ"ยันตัดต่อคลิปอ้างคนละเหตุการณ์ชี้เคยจัดรายการทีวีสภาโจ๊ก ชอบกล่าวล้อเลียนการเมือง

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ศาลนัดสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายคดี 24 แกนนำ นปช.ในข้อหาก่อการร้าย โดยมี นายจตุพร หรือตู่ พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และ นายณัฐวุฒิ หรือเต้น ใสยเกื้อ อดีตเลขา นปช.เข้าเบิกความ 2ปากสุดท้าย

ทั้งนี้ นายจตุพร เบิกความสรุปว่า การรวมตัวของ นปช. แสดงจุดยืนมาตลอดว่ายึดสันติวิธี ปราศจากอาวุธ ขณะที่เหตุการณ์ช่วงหลังการชุมนุมเชื่อว่าเกิดขึ้นจากการสร้างสถานการณ์ และข้อเรียกร้องของนปช.ก็เป็นให้มีการตรวจสอบรัฐบาลเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การกระทำเพื่อก่อการร้ายและไม่มีแนวคิดอุดมการณ์การเมืองอื่นใดแอบแฝงด้วย รวมทั้งไม่ได้กระทำการลักษณะบังคับขู่เข็ญรัฐบาล  ซึ่งการรวมตัวของ นปช. ก็กระทำโดยเปิดเผยและแสดงออกกิจกรรมผ่านสื่อมวลชนด้วย  โดยผลจากสถานการณ์การสลายการชุมนุมช่วงปี 2552-2553 มีการยื่นไต่สวนชันสูตรศพทั้งในศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ซึ่งศาลก็มีคำวินิจฉัยว่ากระสุนที่ทำให้เสียชีวิตมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่

สำหรับพฤติการณ์ที่จำเลยถูกฟ้องว่าสั่งให้ประชาชนบุกไปยังศาลากลางจังหวัดต่างๆ ช่วงวันที่ 3 เม.ย.53 นั้น จำเลยไม่ได้ปราศรัยชักชวนให้ผู้ชุมนุมกระทำการใด ส่วนที่พยานโจทก์ปากเดียวคือเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ได้ระบุว่ายินว่าจำเลยสั่งให้เผาอาคารนั้น จำเลยไม่เคยปราศรัยดังกล่าว และพยานนั้นก็ไม่มีหลักฐานใดแสดงต่อศาล ขณะที่คดีกล่าวกลุ่มผู้ชุมนุมวางเพลิงเผาห้าง ศาลก็ได้พิพากษายกฟ้องไป

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ เบิกความสรุปว่า ยอมรับร่วมกับ นปช. จริงในการทำกิจกรรมทางการเมือง เนื่องมาจากขณะนี้การพยายามล้มรัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่เป็นมาจากการเลือกตั้ง โดยช่วงนั้นมีการย้ายสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร มีนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ นปช. จึงเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ซึ่ง นปช. มีอุดมการณ์ทางทางการเมืองประชาธิปไตย ไม่ได้เลือกสนับสนุนพรรคพลังประชาชนเป็นการเฉพาะ และการสนับสนุนความเป็นประชาธิปไตยก็ไม่นิยมใช้ความรุนแรง

สำหรับที่มีกล่าวหาว่ามีคลิปจำเลยขึ้นปราศรัย ระบุให้ประชาชนเผาเลยจำเลยจะรับผิดชอบเองนั้น คลิปดังกล่าวก็เป็นการตัดต่อถ้อยคำช่วงเหตุการณ์คนละช่วงเวลากัน ซึ่งพยานโจทก์ปากนายถวิล เปลี่ยนศรี ก็ยอมรับว่าถ้อยคำนั้นไม่ใช่เหตุการณ์ช่วงการประกาศชุมนุม นปช.ที่สะพานผ่านฟ้า แต่เป็นช่วงการปราศรัยสัญจรของ นปช. ที่สนามกอล์ฟ เขาสอยดาว ใน จ.จันทบุรีช่วงวันที่ 23 ม.ค.53 ก่อนจะมีการชุมนุม นปช.ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยก่อนการร่วม นปช. ตนเองเคยจัดรายการทีวีสภาโจ๊ก ล้อเลียนการเมือง ก็มีคนติดตามจำเลยซึ่งจำเลยมักจะกล่าวล้อเล่นการเมือง โดยเรื่องนี้จำเลยก็ได้แจ้งความไว้กับ ปอท.เพื่อรวบรวมหลักฐานหาต้นตอคนตัดต่อคลิป

โดยขณะนี้ก็ยังดำเนินการอยู่ ซึ่งช่วงหลังจากการประกาศยุติการชุมนุมห้างเซ็นทรัลเวิลด์ วันที่ 19 พ.ค.53 ช่วงเวลาบ่ายโมงเศษ จำเลยก็ถูกควบคุมตัวตลอดทั้งที่ สตช. ค่าย ตชด. จ.เพชรบุรี และในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อมีการฝากขัง รวมเวลาประมาณ 9 เดือนเศษ จำเลยก็ไม่ทราบเรื่องราวหรือเหตุการณ์ใดๆ อีกโดยเชื่อว่าคลิปที่มีการตัดต่อเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของจำเลย และ นปช.ว่าเป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง ขณะที่ผู้ที่เสียชีวิต-บาดเจ็บในเหตุการณ์ มีทั้งผู้ที่ไม่ได้ชุมนุมแต่อาจจะเป็นผู้มุงดูเหตุการณ์ ซึ่งในพื้นที่ชุมนุมต่างๆ จะมีฝ่ายเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลอยู่ โดยมีเหตุการณ์ที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ.) ถูกยิงจากจุดสูงข่มด้วย

อย่างไรก็ตามหลังแกนนำ นปช. ทั้งสอง เบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ทนายความนปช. ได้แถลงว่า ยังติดใจที่จะสืบพยานในส่วนของนักวิชาการอีกจำนวนหนึ่ง อาทิ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นายสุรชาติ บำรุงสุข น.ส.จารุพันธ์ กุลดิลก เพื่อนำสืบประเด็นสถานการณ์สังคมไทยช่วงดังกล่าว และกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ คือ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ฐานะโฆษก ศอฉ. ขณะนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายก ฯ และอดีต ผอ.ศอฉ. กลุ่มเจรจาฝ่ายรัฐบาลกับ นปช. คือ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช อดีต ส.ว. นายสุขุมพันธ์ บริพัตร อดีตผู้ว่า กทม. ที่จะนำสืบประเด็นว่าสถานการณ์ช่วงนั้นเป็นการชุมนุมทางการเมือง

โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ รวมทั้งคดีอื่นๆที่นำมาผูกรวมพิจารณาเฉพาะคดีที่มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองซึ่งโจทก์ยื่นฟ้องเพียงข้อหาเดียว คือข้อหาร่วมกันเป็นผู้ก่อการร้ายเท่านั้น ส่วนข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหาคนอื่นๆ นั้นเป็นเพียงองค์ประกอบของความผิดฐานเป็นผู้ก่อการร้าย โจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษในแต่ละข้อหาที่เป็นองค์ประกอบของความผิดมาด้วยแต่อย่างใด ซึ่งข้อเท็จจริงที่มีการสืบกันมานั้นศาลเห็นว่าเพียงพอที่จะวินิจฉัยคดีแล้ว อีกทั้งศาลได้ให้เวลาในการพิจารณาคดีมานานพอสมควรและได้ให้วันนัดสืบพยานจำเลยมาหลายนัดแล้ว แม้จะมีการสืบพยานต่อไปก็ไม่ได้ทำให้ข้อเท็จจริงที่มีการสืบพยานมาแล้วเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและไม่กำหนดวันสืบพยานให้จำเลย

ศาลจึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยที่เหลือทั้งหมด แต่ศาลจะให้โอกาสแก่ฝ่ายจำเลยที่จะได้ทำคำแถลงปิดคดีเข้ามาภายใน 45 วันนับแต่วันนี้ หากไม่ยื่นถือว่าไม่ติดใจ และตามที่ทนายฝ่ายจำเลยคัดค้านคำสั่งศาลที่งดสืบพยานฝ่ายจำเลยที่เหลือดังกล่าวนั้นหากมีข้อเท็จจริงสิ่งใดเพิ่มเติม ก็ให้จำเลยส่งประกอบคำแถลงปิดคดีเข้ามาได้ ศาลจึงกำหนดวันฟังคำพิพากษาคดีนี้ ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น. โดยให้คู่ความยื่นคำแถลงปิดคดีส่งศาลภายใน 45 วันนับจากวันนี้

สำหรับจำเลยคดีก่อการร้าย 24 คน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายเหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก นายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย นายการุณ หรือ เก่ง โหสกุล อดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย

นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายภูมิกิติ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง อดีตลูกน้องคนสนิทเสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) นายสุขเสก หรือสุข พล นายจรัญ หรือยักษ์ ลอยพูล การ์ด นปช. นายอำนาจ อินทโชติ อดีตทหารพราน ฉายามือปืน 9 นิ้ว นายชยุต ใหลเจริญ อดีตหัวหน้าการ์ด นปช. นายสมบัติ หรือแดง หรือผู้กองแดง มากทอง

นายสุรชัยหรือหรั่ง เทวรัตน์ คนสนิท เสธ.แดง นายรชต หรือกบ วงค์ยอด อดีตลูกน้อง เสธ.แดง นายยงยุทธ หรือบัง ท้วมมี ผู้ติดตาม เสธ.แดง นายอร่าม แสงอรุณ หัวหน้าการ์ด นปช. อดีตลูกน้องคนสนิท เสธ.แดง นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์ อดีตคนสนิท เสธ.แดง นายสมพงษ์ หรืออ้อ หรือแขก หรือป้อม บางชม และนายมานพ หรือเป็ด ชาญช่างทอง กลุ่มการ์ด นปช. และ นายอริสมันต์ หรือกี้ พงศ์เรืองรอง