posttoday

หมอวรงค์ เปิดใจรับพ่ายแพ้ ซัดยุทธศาสตร์ปชป.พลาด ควรสู้กับพท.ไม่ใช่ "บิ๊กตู่"

25 มีนาคม 2562

"นพ.วรงค์" เปิดใจยอมรับพ่ายแพ้ ซัดยุทธศาสตร์ ปชป.ผิดพลาด เปิดเกมกับคนรุ่นใหม่ที่ไม่ถนัด และ ควรสู้กับเพื่อไทย ไม่ใช่ "พล.อ.ประยุทธ์"

"นพ.วรงค์" เปิดใจยอมรับพ่ายแพ้ ซัดยุทธศาสตร์ ปชป.ผิดพลาด เปิดเกมกับคนรุ่นใหม่ที่ไม่ถนัด และ ควรสู้กับเพื่อไทย ไม่ใช่ "พล.อ.ประยุทธ์"

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 มี.ค.  นพ. วรงค์ เดชกิจกรม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวที่ จ.พิษณุโลก หลังผลการนับคะแนนเลือกตั้ง สส. แพ้ให้กับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา จากพรรคอนาคตใหม่ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ตนต้องขอขอบคุณประชาชนที่ลงคะแนนเสียงให้ ซึ่งตนเองยอมรับความพ่ายแพ้ ซึ่งความพ่ายแพ้ครั้งนี้ เป็นความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้

"ความเห็นส่วนตัวของผมความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากตัวผู้สมัครอย่างเดียว แต่ปัญหาใหญ่คือยุทธศาสตร์ของพรรค พรรคมีความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ ที่ผ่านมาเราควรต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยมากกว่า แต่ไม่ควรไปต่อสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเราประเมินความผิดพลาดเป็นอย่างมาก  ผมว่าพรรคเราเปิดเกมที่เราไม่ถนัด พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่กว่า  70 ปี เรากลับไปเปิดเกมกับคนรุ่นใหม่ มันทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายเรา ความเชื่อมั่นของพรรคประชาธิปัตย์ลดน้อยลง และสุดท้ายประชาชนก็ลงโทษเรา ซึ่งทำให้เห็นว่าวันนี้กรุงเทพเราสูญพันธุ์ ภาคเหนือเหลือแค่คนเดียว อีสาน 2 คน ภาคใต้ ก็หายไปเยอะ และหลายพื้นที่ก็หายไปเยอะมาก"นพ.วรงค์ กล่าว

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้จนท้อแท้แต่อย่างใด ซึ่งถึงเวลาที่พวกเราประชาธิปัตย์ต้องปิดประตูห้องมาคุยกัน ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพรรคครั้งใหญ่ ทั้งเปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำงาน เปิดใจให้กว้างรับฟังความคิดเห็นคนส่วนใหญ่ และเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ใช่เดินหน้าเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

"ผมพูดเสมอว่าพรรคประชาธิปัตย์คือบ้าน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราจะต้องไปพูดคุยกัน และต้องมาช่วยสร้างพรรคขึ้นมาใหม่ อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย เพราะครั้งนี้ไม่ใช่แค่อับปางแค่เล็กน้อย แต่มันกลายเป็นซากปรักหักพัง ซึ่งต้องใช้เวลา และใช้พลังร่วมกัน" อดีตสส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าหัวหน้าพรรคไม่มีแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อ นพ.วรงค์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่มีเสน่ห์อยู่อย่างคือเรามีระเบียบ มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ชัดเจน และต้องมีการประชุมร่วมกันของคณะรักษาการพรรค  สุดท้ายก็จะได้ผู้บริหารพรรค แต่แนวคิดตนเองรอบนี้ ผู้ที่จะนำพาพรรคประชาธิปัตย์ต้องมาช่วยกัน จากหลายๆส่วน จะคิดเห็นตรงกันหรือไม่ตรงกัน ก็ต้องมาคุยกัน เพราะนี้คือบ้านเรา ช่วยกันสร้างใหม่ ซึ่งต่อจากนี้ตนมีเงื่อนไข 2 ข้อ คือ ผู้ที่เป็นผู้บริหารพรรคต้องชนะ หรือ มากกว่าเดิม เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนนำพาพรรค จะต้องพาไปเรื่อยๆ หากไม่ได้ข้อใดข้อหนึ่งก็คงต้องออก เพื่อให้คนใหม่เข้ามา พรรคจะได้โตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ควรอยู่ต่อ และต้องเน้นย้ำคือไม่ควรมีการสืบทอดอำนาจในพรรคประชาธิปัตย์ เราต้องเปิดใจให้กว้างพวกเราที่อยู่บ้านหลังนี้คือพรรคประชาธิปัตย์ อย่าไปกล่าวหากัน ช่วยกันทำงาน