posttoday

ศาลอุทธรณ์ยืนคุก 2 ปี "ยงยุทธ" คดีทุจริตสนามกอล์ฟอัลไพน์

28 กุมภาพันธ์ 2562

ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยืนจำคุก 2 ปี "ยงยุทธ วิชัยดิษฐ" คดีทุจริตสนามกอล์ฟอัลไพน์ ไม่รอลงอาญา เจ้าตัวยื่นประกัน 9 แสน ลุ้นสู้ชั้นฎีกา

ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยืนจำคุก 2 ปี "ยงยุทธ วิชัยดิษฐ" คดีทุจริตสนามกอล์ฟอัลไพน์ ไม่รอลงอาญาเจ้าตัวยื่นประกัน 9 แสน ลุ้นสู้ชั้นฎีกา

เมื่อเวลา 10.10 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 4 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติชอบกลาง  ถ.นครไชยศรี วันที่ 28 ก.พ.62 เวลา 10.10 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีทุจริตที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ หมายเลขดำ อท.38/2559 ที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ  อายุ 77 ปี อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

กรณีระหว่างที่นายยงยุทธ จำเลยดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ในการพิจารณาอุทธรณ์ และสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน โดยมีเจตนาช่วยเหลือ บริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด, บริษัท กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในเวลาต่อมา ให้ได้รับประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำเลยปฏิเสธ

คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 29 ส.ค.59 เห็นว่า การที่นายยงยุทธ จำเลยพิจารณาอุทธรณ์ และมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนาม ‘สนามกอล์ฟอัลไพน์’ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นธรณีสงฆ์จากการที่นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ที่ถึงแก่ความตายแล้วได้ทำพินัยกรรมยกที่ดิน 2 แปลงดังกล่าว ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารนั้น จำเลยออกคำสั่งโดยมิชอบ โดยจงใจละเลยข้อเท็จจริงต่างๆ และยังจงใจตีความกฎหมายให้ผิดเพี้ยนไปจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2482 ที่ระบุให้กระทรวงถือปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา

ดังนั้น คำสั่งของนายยงยุทธ จำเลยจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแก่ผู้อื่น และก่อให้เกิดความเสียหายแก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ทั้งยังทำลายศรัทธาของผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง พิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ต่อมานายยงยุทธ จำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ โดยศาลตีราคาประกัน 500,000 บาท

ต่อมา ป.ป.ช.โจทก์ - จำเลย ยื่นอุทธรณ์

ซึ่งวันนี้ นายยงยุทธ จำเลย เดินทางมาฟังคำพิพากษาโดยมีสีหน้าเรียบเฉย พร้อม ทนายความและบุคคลใกล้ชิด

อย่างไรก็ดี "ศาลอุทธรณ์" พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า การที่จำเลยขณะดำรงตำแหน่งรักษาการปลัดมหาดไทย แล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนมติอธิบดีกรมที่ดินเรื่องที่ดินอัลไพน์เป็นที่ธรณีสงฆ์นั้น โดยไม่นำความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งมีแนวทางวินิจฉัยไว้แล้วมาพิจารณาประกอบเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบและโดยทุจริต ทั้งที่แนวทางปฏิบัติเมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นมาแล้วฝ่ายบริหารจะให้หน่วยราชการยึดถือปฏิบัติธรรมเพื่อการบริหารราชการแผ่นดินในมาตรฐานทางเดียวกัน เพราะมิเช่นนั้นในแต่ละยุคสมัยจะมีความเห็นต่างกันสร้างความเสียหายแก่ระบบบริหารราชการแผ่นดินได้

ส่วนที่จำเลยอ้างว่า คำสั่งของจำเลยนั้นได้ยึดถือตามแนวทางเสียงข้างมากของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของมหาดไทย ซึ่งเป็นการออกคำสั่งทางปกครองที่จำเลยในฐานะรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทยก็สามารถทำได้นั้น ศาลเห็นว่าคณะกรรมการดังกล่าวก็เกิดขึ้นโดยคำสั่งที่จำเลยแต่งตั้งเองขณะที่การบริหารราชการแผ่นดินนั้น ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาจะผูกพันหน่วยงานราชการด้วยตามแนวทางมติของ ครม.

และที่จำเลยอ้างว่า ไม่แน่ว่าถ้ายื่นข้อทักท้วงให้กฤษฎีกา การที่จำเลยอ้างว่าไม่ได้ส่งกฤษฎีกาแลเวจะรับไว้พิจารณาหรือไม่นั้นก็ยังไม่ปรากฎว่าจำเลยได้เคยยื่นข้ออ้างดังกล่าว ทั้งที่ในทางปฏิบัติหากจำเลยเห็นว่าความเห็นของกฤษฎีกานั้นจะไม่ชอบ ก็สามานถที่จะยื่นให้ทบทวนได้ กรณีที่จำเลยอ้างจึงฟังไม่ขึ้นนั้นและขัดต่อหลักเหตุผล

การกระทำของจำเลย จึงทำให้บริษัทอัลไพน์ฯ ได้รับประโยชน์ ขณะที่ในช่วงปี 2545 ปรากฎข้อเท็จจริงว่าภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร ได้ซื้อสนามกอลฟอัลไพน์ต่อจากนายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งหลังจากนั้น ก็พบว่าจำเลยได้รับดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยจนเกษียณราชการ และยังได้รับตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ ในยุครัฐบาลนายทักษิณ

ส่วนที่ ป.ป.ช. ขอให้ลงโทษสถานหนักเพราะการกระทำของจำเลยทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมที่ดินเป็นอย่างมากและอาจจะทำให้ถูกฟ้องเป็นเงินหลายล้านนั้น ศาลเห็นว่าตามทางนำสืบขณะนี้ก็ยังไม่ปรากฎว่ามีการฟ้องคดีเกิดขึ้น ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลย 2 ปีโดยไม่รอลงอาญานั้นเหมาะสมแล้ง อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วนายยงยุทธซึ่งวันนี้สวมสูทสีเทาก็มีที่หน้าเรียบเฉย โดยทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ได้นำตัวไปยังห้องควบคุมไว้เพื่อรอว่า จำเลย จะยื่นประกันตัว เพื่อจะสู้คดีในชั้นฎีกาต่อไปหรือไม่

ต่อมา เวลา 11.00 น.เศษ "นายยงยุทธ" จำเลยได้ ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นเงินสด 900,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา

โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะมีคำสั่งเรื่องประกันอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ก็มาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จะนำผลคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ดังกล่าวไปประชุมปรึกษาหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการยื่นฎีกาต่อไปหรือไม่