"กลาโหม"แจงงบกองทัพได้รับการจัดสรรตามจีดีพีประเทศ

โฆษกกระทรวงกลาโหมแจงงบประมาณกองทัพได้รับการจัดสรรตามจีดีพีประเทศ ย้ำการพัฒนาขีดความสามารถกองทัพเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับมือภัยคุกคาม

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองประกาศนโยบายปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมเพื่อนำไปพัฒนาประเทศในด้านอื่นว่า การพูดเรื่องเม็ดเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นเป็นการพูดเพียงด้านเดียว เพราะวงเงินงบประมาณจะเพิ่มขึ้นด้วย โดยในช่วงปีงบประมาณ 2536-2541 กระทรวงกลาโหมได้รับจัดสรรเฉลี่ย 12.7% ของงบประมาณทั้งประเทศ ต่อมาช่วงปีงบประมาณ 2542-2553 กระทรวงกลาโหมได้รับจัดสรรเฉลี่ย 7.76% ของงบประมาณทั้งประเทศ และในช่วงปี 2554-2562 กระทรวงกลาโหมได้รับจัดสรรเฉลี่ย 7.79% ของงบประมาณทั้งประเทศ

"ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจงบกระทรวงกลาโหมถูกเกลี่ยจนเหลือเพียง 6.5 ถึง 6.3% ทำให้ไม่มีงบประมาณในการฝึก หรือแม้แต่การซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ จนทำให้ยุทโธปกรณ์เสียหาย โดยเฉพาะ นักบินเกิดวิกฤติสมองไหลเพราะไม่มีชั่วโมงบิน พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเวลานั้น ทราบเรื่องนี้ดีและเมื่อผ่านวิกฤตไปแล้วเป็นช่วงฟื้นฟูในปี 2549 ถึง 2551 ทำให้งบประมาณถูกปรับขึ้นมาเป็น 7.9%"โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว

สำหรับสัดส่วนงบประมาณที่กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 7-8% ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ที่เม็ดเงินเพิ่มขึ้นเนื่องจากภาพรวมวงเงินงบประมาณทั้งประเทศได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านล้านบาท มาอยู่ที่ 3 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน

พล.ท.คงชีพ ยังเปรียบเทียบการจัดทำงบประมาณที่มีการเติบโตตาม ผลผลิตมวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ตามแผนพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพที่ตั้งไว้ โดยหากเทียบกับต่างประเทศ พบว่า สหรัฐจัดสรรงบประมาณในสัดส่วน 3.1% ของจีดีพี ราว 6.1 แสนล้านดอลลาร์, จีน อยู่ที่ 1.9% ของ จีดีพี ราว 2.28 แสนล้านดอลลาร์ ซาอุดิอาระเบีย 10% ของ จีดีพี อยู่ที่ 6.94 หมื่นล้านดอลลาร์ และญี่ปุ่น 0.9% ของจีดีพี อยู่ที่ 4.54 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ไทยอยู่ที่ 1.9% ของ จีดีพีหรือราว 6.07 พันล้านดอลลาร์

"การพิจารณาแผนพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพจะเป็นการรองรับภัยคุกคามตามห้วงระยะเวลาต้องมียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ป้องกันการสูญเสียอธิปไตย แต่ไม่ได้ทำมากเกินไปการจัดหายุทโธปกรณ์เป็นการจัดหาที่เป็นไปได้และดำรงสภาพในการป้องกันประเทศได้ตามกฏหมายรัฐธรรมนูญอีกทั้งต้องสร้างความพร้อมรบให้เพียงพอต่อการปฏิบัติได้ทันทีเมื่อเกิดภัยคุกคาม ซึ่งขณะนี้มีการให้ข้อมูลที่คาดเคลื่อน จึงต้องออกมาชี้แจง"โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว

อย่างไรก็ตาม กองทัพพร้อมรับข้อเสนอแนะความเห็นจากทุกคนในวิถีประชาธิปไตย ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์ เช่นการปฏิรูปกองทัพ ก็ทำมาเป็นเอกสารหรือ มาพูดคุย อยากจะเสนอแนะในการปรับอย่างไร ซึ่งจะได้นำมาปรับให้เกิดความเหมาะสมกับกองทัพไม่อยากให้มีการพูดลอยๆเพราะจะกระทบต่อโครงสร้างความมั่นคง เนื่องจากไม่สามารถทำได้ทันที

โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า จะเชิญนักการเมืองที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

พล.ท.คงชีพ ยังกล่าวถึงการที่ไม่ต้องเกณฑ์ทหารว่า จะต้องมีแรงจูงใจและใช้งบประมาณมากและต้องมีสวัสดิการที่ดี รวมทั้งต้องมีหลักประกันในอนาคตด้วย