posttoday

เรืองไกรยื่น "กกต." สอบพลังประชารัฐยื่นชื่อ"บิ๊กตู่"แคนดิเดตนายกฯ

11 กุมภาพันธ์ 2562

เรื่องไกรยื่น กกต. ตรวจสอบกรณีพรรคพลังประชารัฐยื่นชื่อ "ประยุทธ์" เป็นแคนดิเดตนายกฯ ขัดคุณสมบัติหรือไม่

เรื่องไกรยื่น กกต. ตรวจสอบกรณีพรรคพลังประชารัฐยื่นชื่อ "ประยุทธ์" เป็นแคนดิเดตนายกฯ ขัดคุณสมบัติหรือไม่

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 62 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เดินทางมายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้สมควรได้รับการเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เนื่องจากเห็นว่าการเสนอชื่อดังกล่าว ขัดต่อข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐที่ไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่น เพราะกำหนดว่าการคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นว่าที่นายกฯ ของพรรคต้องมีหนังสือยินยอมจากบุคคลนั้นก่อน แต่ปรากฎว่าพรรคพลังประชารัฐ มีการประชุมและมีมติให้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นแคนดิเดตก่อนได้รับหนังสือยินยอม

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี กล่าวคือ เป็นนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งถือว่าเข้าข่ายเป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะยังรับเงินในเดือนในตำแหน่งดังกล่าวอยู่เดือนละ 125,590 บาท

นายเรืองไกร กล่าวว่า การมายื่นคำร้องครั้งนี้ มาในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ยืนยันว่า การยื่นคำร้องไม่ได้หวังผลทางการเมือง เพราะผลงานที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันว่าร้องมาแล้วทุกคนทุกฝ่าย และไม่ได้ยื่นเพื่อที่จะเบี่ยงเบนประเด็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคไทยรักษาชาติ เพราะคำร้องนี้เตรียมไว้ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.แล้ว

ส่วนกรณีที่ออกมาเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีความผิดพลาดในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ นั้นนายเรืองไกร กล่าวว่า ตนขอเปลี่ยนท่าทีที่จะต่อสู้ร่วมกับพรรคไทยรักษาชาติต่อไป เพราะหากลาออกกันหมด ก็จะไม่เหลือใครมาทำงาน การจะหาคนใหม่มาทำได้ก็ยาก และถ้ามีคนมาร้องให้ยุบพรรค ตนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือพรรคในการต่อสู้ทางข้อกฎหมาย ซึ่ง กกต.ก็ควรวินิจฉัยให้เด็ดขาด เพราะตอนเขียนกฎหมายก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น