posttoday

"ร่วมกันต่อต้านพวกล้มเจ้า-มิยอมให้ผู้ใดนำสถาบันเข้าไปเป็นฝักฝ่าย"

10 กุมภาพันธ์ 2562

เอนก ชวนทุกกลุ่มทุกพรรคต่อต้านพวกล้มเจ้า ลั่นไม่ยอมให้ผู้ใดนำสถาบันเข้าไปเป็นฝักฝ่าย

เอนก ชวนทุกกลุ่มทุกพรรคต่อต้านพวกล้มเจ้า ลั่นไม่ยอมให้ผู้ใดนำสถาบันเข้าไปเป็นฝักฝ่าย

เมื่อวันที่ 10 ก.พ.  นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า “ความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์: ไทยทั้งผองต้องปกป้อง เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย

70 ปีของรัชกาลที่ 9 ที่จบลงเมื่อ 13 ตุลาคม 2559 นั้น คืออีกหนึ่ง “ยุคทอง” ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ประชาชนล้วนเทิดทูนบูชาพระองค์ท่านดั่ง”พ่อ” ของแผ่นดิน อย่างไรก็ดีสถานะของพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะนับตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 นั้น มีที่ถูกโยกคลอน จนไหวเอน จะล้มมิล้มแหล่ ก็หลายครั้ง

ปี 2476 เมื่อ “ขบถ” บวรเดช ยกกำลังมาล้อมพระนคร ทวงถามถึงพระราชอำนาจ และสถานะ ของราชันย์ในระบอบประชาธิปไตยนั้น รัชกาลที่ 7 ทรงมิปรารถนาแสดงองค์อยู่กับฝ่ายใด จำรีบเสด็จจากหัวหิน รอนแรมทั้งคืนบนเรือพระที่นั่งลำเล็ก เสด็จขึ้นฝั่ง และประทับ รอดูเหตุการณ์ที่เมืองสงขลานานเกือบห้าสิบวัน เล่ากันว่า ทรงมีพระราชดำริ หากรัฐบาลจะหาเรื่องมากุมพระองค์ ก็จะเสด็จไปลี้ภัยเสียที่มลายู ในเวลาที่มืดมิดยากลำบากยิ่งของพระองค์ท่านนั้น จะมีก็แต่ข้าหลวงและราษฎรสงขลาเท่านั้นที่แวดล้อมถวายอารักขาอยู่

ช่วงหนึ่งรัชกาลที่ 7 ยังถูกฟ้องหมิ่นประมาทจากนายถวัติ ฤทธิเดช ผู้นำกรรมกร นับเป็นการท้าทายโดยแท้ ด้วยว่าในเบื้องแรกนั้นรัฐธรรมนูญมิได้คุ้มครองกษัตริย์ให้อยู่เหนือการฟ้องร้อง ยิ่งกว่านั้นพระองค์ท่านถูกรัฐบาลฟ้องว่าทรงใช้พระราชทรัพย์ของพระมหากษัตริย์ไปในกิจการส่วนพระองค์ ในกรณีนี้ศาลตัดสินให้ทรงแพ้คดี และรัฐบาลก็หักหาญยึดวังสุโขทัยมาชดใช้ความเสียหาย เป็นเหตุให้เมื่อพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ เสด็จกลับจากอังกฤษ พร้อมพระบรมอัฐิของพระราชสวามี หามีที่ให้ประทับไม่ จำต้องเสด็จเดินทางไปสร้างตำหนักเล็กๆ ริมป่า อยู่ห่างไกลโพ้น ถึงจันทบุรี

ในทุกวันนี้เอง สถานะของพระมหากษัตริย์ก็ใช่ว่าจะมิถูกสั่นคลอน ยังมีคนจำนวนหนึ่งท้าทาย สงสัย กังขา หรือกระทั่งนินทาใส่ร้าย วิพากษ์โจมตี บางพวกกระทำการอยู่ใต้ดิน บางพวกกระทำการในต่างประเทศ ยังมีที่เคลื่อนไหวเชื่อมโยงเข้ากับพรรคหรือกลุ่มฝ่ายบนดิน ซึ่งหน่วยงานสันติบาลและข่าวกรองล้วนทราบดี จึงเป็นหน้าที่ของทุกกลุ่มทุกพรรค รวมทั้ง “รวมพลังประชาชาติไทย” ที่จะช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชน ร่วมกันต่อต้านพวก “ชังเจ้า” หรือ พวก “ล้มเจ้า” แต่ในขณะเดียวกัน ก็มิยอมให้ผู้ใดนำสถาบันเข้าไปเป็นฝักฝ่าย สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ย่อมมิเป็นของพรรคใดฝ่ายใด หากเป็น “ของ” พวกเราทั้งมวล ซึ่งหมายถึงทุกพรรคทุกฝ่ายที่จงรักภักดีและศรัทธาบูชาต่อ “แผ่นดิน”