posttoday

ศาลให้รวมพิจารณาคดีชุมนุมไล่รัฐบาลมาร์ค4สำนวน

19 พฤศจิกายน 2561

ศาลให้รวมพิจารณาคดี13แกนนำนปช. ชุมนุมไล่รัฐบาลมาร์ค 4 สำนวน นัดสืบพยานวันที่ 27 พ.ค.62

ศาลให้รวมพิจารณาคดี13แกนนำนปช. ชุมนุมไล่รัฐบาลมาร์ค 4 สำนวน นัดสืบพยานวันที่ 27 พ.ค.62

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกได้นัดตรวจพยานหลักฐาน คดีชุมนุม นปช.ขับไล่รัฐบาลยุคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี 2552 รวม 4 สำนวน คดีหมายเลขดำ อ.968/2561 พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 70 ปี อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 53 ปี ประธาน นปช. , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 43 ปี แกนนำ นปช. กับพวกซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วมฯ รวม 10 คน เป็นจำเลยที่ 1-10 , นายอดิศร เพียงเกษ อายุ 66 ปี อดีต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคไทยรักไทย จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.1262/2561 , นายพีระ พริ้งกลาง จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.2499/2561 และนายเมธี อมรวุฒิกุล อายุ 47 ปี อดีตดาราแนวร่วม นปช. จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.2179/2561 ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป รวมทั้งสิ้น 3 ข้อหา โดยอัยการยื่นฟ้องตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.61

จากกรณีกลุ่ม นปช.จัดการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยปราศรัยปลุกระดมยุยง ณ เวทีบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ข้างทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ, ยึดและเผารถโดยสารประจำทางในพื้นที่ กทม. และนำรถบรรทุกแก๊สไปจอดไว้กลางถนนเพื่อข่มขู่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และประชาชนเดือดร้อนเสียหาย โดยกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เหตุเกิดที่แขวง-เขตดุสิต, แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี, แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร และแขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-14 เม.ย.52

โดยวันนี้จำเลยทั้ง 13 รายที่ได้ประกันตัว ก็เดินทางมาศาลตามนัด ซึ่งการตรวจหลักฐานครั้งนี้ ก็ต่อเนื่องจากการตรวจพยานหลักฐานเมื่อวันที่ 31 ก.ค.61 ที่ผ่านมา ซึ่ง อัยการโจทก์ เสนอพยานเอกสารและพยานบุคคล รวม 420 ปาก แต่อัยการเพิ่งยื่นฟ้องนายเมธี เข้ามาเป็นจำเลยในฐานความผิดเดียวกัน และมีการยื่นคำร้องขอรวมคดีไว้ด้วย ขณะที่ฝ่ายจำเลย เสนอบัญชีพยานบุคคลที่จะนำสืบรวม 173 ปาก โดยทนายความจำเลยขอใช้เวลาในตรวจสอบบัญชีพยานเอกสารและพยานบุคคลของอัยการโจทก์ว่าจะมีพยานบุคคลใดสามารถรับกันได้บ้าง จึงขอเลื่อนการตรวจพยานหลักฐานมาในวันนี้

ขณะที่เมื่อถึงเวลานัด อัยการโจทก์ ได้เสนอบัญชีพยานวัตถุและบัญชีพยานเพิ่มเติม พร้อมแถลงขอรวมคดี อ.1262/2561 , คดี อ.2499/2561 ,คดี อ.2179/2561 เข้ากับคดีนี้ เนื่องจากมีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน หากรวมพิจารณาด้วยกันแล้วจะสะดวกต่อการดำเนินกระบวนพิจารณา

ศาล พิเคราะห์แล้วก็อนุญาตให้รวมพิจารณาคดีทั้ง 4 สำนวนเป็นคดีเดียวกัน โดยให้คดีหมายเลขดำ อ.968/2561 เป็นคดีหลัก ขณะที่ศาลสอบคำให้การจำเลยแล้ว จำเลยที่ 1-13 ทั้งหมดให้การปฏิเสธ พร้อมต่อสู้คดี

โดยฝ่ายจำเลย แถลงว่า เนื่องจากทั้งอัยการโจทก์และจำเลยก็มีพยานบุคคล , พยานเอกสาร และพยานวัตถุจำนวนมาก จึงขอเลื่อนระยะเวลาไปตรวจสอบว่า มีความจำเป็นจะต้องสืบพยานใดบ้าง ซึ่งศาลสอบถามอัยการโจทก์แล้วก็ไม่คัดค้าน

ศาล เห็นว่ามีเหตุอันควร จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อนัดตรวจพยานหลักฐาน และกำหนัดวันนัดสืบพยาน ในวันที่ 27 พ.ค.62 เวลา 09.00 น.

ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ