posttoday

"หมออลงกต"เผยซบ "พลังประชารัฐ" เพราะเป็นพรรคสายกลาง

15 ตุลาคม 2561

"นพ.อลงกต"เผยตัดสินใจเข้าสังกัดพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคสายกลาง มั่นใจโกยคะแนนแข่งกับเพื่อไทยได้

"นพ.อลงกต"เผยตัดสินใจเข้าสังกัดพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคสายกลาง มั่นใจโกยคะแนนแข่งกับเพื่อไทยได้

นพ.อลงกต มณีกาศ อดีต ส.ส.นครพนมพรรคเพื่อแผ่นดินได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังจากตัดสินใจย้ายพรรคมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า ที่ผ่านมายังคงทำงานการเมือง ดูแลชาวบ้าน มาตลอด เพราะมีใจรักที่อยากมีส่วนร่วมในการพัฒนา จนกระทั่งอยากวางแนวทางตัดสินใจ สังกัดพรรคสายกลาง มาลงตัวที่พรรคพลังประชารัฐ เพราะเชื่อมั่นว่า เป็นพรรคสายกลาง พรรคทางเลือก ที่จะทำให้บ้านเมือง เกิดความสงบสุข

ก่อนหน้านี้ยอมรับว่า เคยมีหลายพรรคมาจีบ ไปสังกัด แต่ตนไม่รับข้อเสนอ เพราะมองว่า ไม่ใช่ทางเลือกที่นำไปสู่ความสงบของบ้านเมือง ไม่ต้องการให้มีฝักมีฝ่าย มีการแบ่งแยกสี และอยากเข้าไปพัฒนาบ้านเมือง เพราะที่ผ่านมาประเทศไทย เดินถอยหลังมาหลายปี

นพ.อลงกต กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่หนักใจ ในเรื่องของพื้นที่ ถึงแม้จะต้องชิงพื้นที่กับกระแสพรรคเพื่อไทย แต่ตนมั่นใจในคะแนนนิยมส่วนตัว เพราะที่ผ่านมาทำงานการเมือง ไม่เคยอิงกระแส พรรค ใช้คะแนนนิยมส่วนตัวล้วนๆ ที่สำคัญเชื่อมั่นในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะไม่วุ่นวายหรือมีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา เพราะกฎกติกา ระเบียบ ชัดเจนมากขึ้น คงไม่มีปัญหาเรื่องใส่ร้ายป้ายสี หรือการสร้างกระแส เรื่อง ฝักฝ่ายเรื่องสี และใช้วิธีการโจมตีให้ร้ายเพื่อดิสเครดิต ระหว่างคู่แข่ง จนเกิดความวุ่นวาย จึงอยากให้ บรรดานักการเมือง คิดใหม่ ควรทำงานการเมืองด้วยใจ และเป้าหมายคือการพัฒนา ดูแลชาวบ้าน เพราะหากทำไม่ได้ ความขัดแย้งไม่จบ

"ผมมั่นใจว่า การเลือกตั้งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศ ประชาชน จะมีอำนาจสมบูรณ์แบบตามแนวทางประชาธิปไตย และเชื่อมั่นว่า จะต้องมีการเลือกตั้งแน่นอน เพราะหากไม่มีการเลือกตั้ง หรือมีการเลื่อน จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก"นพ.อลงกตกล่าว

นพ.อลงกตกล่าวอีกว่า แนวทางการทำงานตนทีเป้าหมายมากที่สุด คือการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อนำมายกระดับอาชีพ รายได้ ของลูกหลานเยาวชน เพราะที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ารัฐบาลไปให้ความสำคัญเรื่อง การพัฒนาการค้าเศรษฐกิจ แต่มองข้าว คุณภาพการศึกษา การสร้างอาชีพยั่งยืน เพราะลูกหลานเยาวชนทุกวันนี้จบการศึกษามาไม่มีงานทำ รายได้น้อย ต้องกลับไปหาทางแก้ไข วางเป้าหมายให้เยาวชนหลังจบการศึกษาจะต้องมีงานทำ และต้องเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตมากกว่า การพัฒนาเศรษฐกิจระดับประเทศ แต่ประชาชน ขาดการดูแลทั่วถึงจึงอยากฝากรัฐบาลให้ความสำคัญ