posttoday

เพื่อไทย แนะควรให้เวลาพรรคการเมืองจัดทำนโยบายอย่างเหมาะสม

07 กันยายน 2561

รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แนะ คสช. ควรให้เวลาพรรคการเมืองจัดทำนโยบายอย่างเหมาะสม

รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แนะ คสช. ควรให้เวลาพรรคการเมืองจัดทำนโยบายอย่างเหมาะสม

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2561 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี แกนนำรัฐบาลคสช. ระบุว่า พรรคการเมืองมีเวลาเหลือเฟือ 70 วัน ช่วงหาเสียง และเตรียมจัดทำนโยบาย ว่า รัฐบาลคสช.คงต้องทำความเข้าใจว่า เรื่องนี้มีมุมมองที่สำคัญ 2 ประเด็น ประเด็นการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งใน 70 วันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และหวังว่าในช่วงเวลาดังกล่าวรัฐบาลจะไม่ปิดกั้นการหาเสียง การสื่อสารนโยบายถึงประชาชน โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดีย ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 หากปิดกั้น ไม่ให้ประชาชนและพรรคการเมือง เข้าถึงโอกาสในการสื่อสารนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งมีต้นทุนต่ำ มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงสูง ประชาชนอาจมองว่าเป็นได้แค่ไทยแลนด์ 0.4 หรือไม่

ส่วนการจัดทำนโยบาย รัฐบาลต้องให้เวลาในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม จะไปเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งทั่วไปก่อนหน้านี้ไม่ได้ เนื่องจากช่วงระยะเวลา 4 ปีเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ในช่วงสถานการณ์พิเศษ ไม่สามารถทำกิจกรรมหรือเดินสายพบปะประชาชน เพื่อรับทราบความต้องการของประชาชนที่อยากให้นโยบายของพรรคการเมืองแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ตนเชื่อว่าหากปลดล็อกเพื่อให้พรรคการเมืองสามารถมีช่องทางในการรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนไม่น่าจะมีพรรคการเมืองใด กระทำการฝ่าฝืนประกาศคำสั่งหรือกฎหมายจนนำไปสู่ความวุ่นวาย เพราะที่สุดก็จะถูกใช้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนหรือล้มการเลือกตั้งในที่สุดหรือไม่ ที่สำคัญถ้าทุกฝ่ายเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ลดความหวาดระแวงระหว่างกัน บ้านเมืองก็จะสามารถเดินหน้าไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์ จัดทำนโยบายที่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนได้ตรงตามความต้องการสูงสุด นำไปสู่การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม

ขณะที่นายศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ ยังมีการชุมนุมทางการเมือง และเคลื่อนไหวการเมืองของกลุ่มสามมิตร โดยการแนะนำผู้สมัคร สส.ครั้งที่จะมีขึ้น และหาเสียงกับประชาชน อย่างตลอดและต่อเนื่อง โดยไม่คำนึงถึง ข้อห้ามตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งผิดกฏหมาย ขณะที่นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ไม่มีท่าทีที่ชัดเจนในการห้ามปรามยั้บยั้งการกระทำนี้แต่อย่างใด    ขณะเดียวกับที่รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำกับสื่อตลอดว่า จะปลดล็อดการเมือง ให้พรรคการเมือง ได้ทำกิจกรรมและพบปะประชาชนได้ ประมาณเดือนธันวาคม ดังนี้จึงแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไม่มีธรรมภิบาล ในการบังคับใช้กฏหมาย อย่างเสมอภาค เท่าเทียม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่บ้านเมืองและประชาชนหรือไม่

นายศักดา กล่าวว่า หลักการสำคัญและหัวใจ ที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ปลดล็อดการเมือง หรือยกเลิกคำสั่งที่ 53/2560 เพราะพรรคการเมืองต้องการพบปะประชาชน เพื่อรับฟังความคิดเห็นและมีส่วนร่วม สำหรับการจัดทำนโยบาย มิได้มุ่งหวังไปหาเสียง ก่อนมี พ.ร.ฏ.เลือกตั้ง เพราะจะไม่มีประโยชน์เลย หากไม่มีนโยบายที่ดีที่จะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องให้แก่ชาวบ้านและประชาชนได้ ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลรับฟังข้อเรียกร้องนี้

นายศักดา กล่าวด้วยว่า โดยให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เห็นแก่ประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เป็นสำคัญโดยการปลดล็อดการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองได้พบกับประชาชนเพื่อพร้อมสำหรับการเลือกตั้งและมีส่วนในการเสนอนโยบายกับพรรคการเมือง ที่จะบริหารประเทศต่อไปภายหลังการเลือกตั้ง โดยไม่ปล่อย กลุ่มการเมือง ที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ จันทรโอชา ทำผิดกฏหมายและคำสั่งคณะรักษาความสงบ(คสช.) ซ้ำซาก เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้มีธรรมาภิบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)สามารถรักษาความสงบของประเทศมีมาตราฐานเดียวกัน