"วิษณุ" ไม่กังวล กฎหมายลูกที่ยังค้าง สนช.กระทบโรดแมปเลือกตั้ง
รองนายกฯ ไม่กังวล กฎหมายลูกที่ยังค้าง สนช. จะกระทบโรดแมปเลือกตั้ง เผย แนวทางปฏิรูปทุกเรื่องจบที่ครม.
รองนายกฯ ไม่กังวล กฎหมายลูกที่ยังค้าง สนช. จะกระทบโรดแมปเลือกตั้ง เผย แนวทางปฏิรูปทุกเรื่องจบที่ครม.
เมื่อวันที่ 14 ก.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. หลังมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. เมื่อวานนี้ว่า วิธีกระบวนการสรรหาจะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่บัญญัติไว้ ซึ่งเดิมก็เคยมีกระบวนการสรรหามาแล้ว การสรรหาครั้งใหม่นี้จะไม่แตกต่างมากนัก เพียงต่างแค่คุณสมบัติของ กกต. ขณะที่สัดส่วน 2 คนที่ต้องมาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ไม่จำเป็นที่จะต้องจัดสรรหาให้เสร็จก่อนการสรรหา 5 คน ของคณะกรรมการสรรหา แต่ขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และการจัดการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากการเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็ว และการสรรหากรรมการ กกต. ชุดใหม่ยังไม่แล้วเสร็จก็ให้กรรมการชุดเก่าเป็นผู้จัดการเลือกตั้ง หากสรรหาเสร็จทัน กกต. ชุดใหม่ก็จะปฏิบัติหน้าที่ในทันที แต่เชื่อว่าสุดท้ายไม่ว่าวันเลือกตั้งจะเป็นวันใดตามที่ กกต. กำหนด อาจจะเป็น กกต. ชุดใหม่เป็นผู้กำหนด และไม่กังวลจะกระทบกับโรดแมปเลือกตั้ง กรณีร่างกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งอีก 2 ฉบับ อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช.
ขณะที่ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รัฐบาลได้รับจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติจำนวน 3 ฉบับ คือ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย กกต. ที่ประกาศใช้แล้วอีก 2 ฉบับ ได้นำขึ้นทูลเกล้าไปแล้วคือ ร่างพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่รัฐบาลเพิ่งนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฯ เมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนร่าง พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฯ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม โดยมีกรอบเวลาตามพระราชอำนาจ 90 วัน
รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธแสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปตำรวจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ แต่ยอมรับว่าสุดท้ายทุกข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปฏิรูปในทุกๆด้าน จะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และเชื่อว่าแนวโน้มข้อเสนอร้อยละ 90 จะผ่านความเห็นชอบ แต่จะมีเพียงกระแสสังคมที่เห็นต่าง ครม. ก็จะเลือกพิจารณา ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นในกรณีนี้ไม่ค่อยจะมี เพราะคณะกรรมการปฏิรูปทุกคณะ ต้องทำแผนการปฏิรูปภายใน 90 วัน หรือนับจากนี้จะเสร็จสิ้นในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบประกาศใช้ หาก ครม.ไม่เห็นด้วยกับแผนก็สามารถตีกลับ ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำเข้าสภาหรือนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฯ โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติจะประชุมเพื่อให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดทำแผนปฏิรูปประเทศภายในเดือนกันยายนนี้ คาดว่าอาจจะเป็นช่วงหลังจากประชุม ครม. สัญจรในวันที่ 18-19 ก.ย.นี้